ไม่พบผลการค้นหา
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าข่าวการเมืองต่างประเทศที่ร้อนระอุที่สุดในช่วงที่ผ่านมา คือ การบุกยูเครนของกองทัพรัสเซีย ซึ่งเป็นสงครามที่ส่งผลกระทบไม่ใช่แค่ยุโรป แต่สะเทือนไปทั่วทั้งโลก แม้แต่ไทยเองก็ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการพุ่งสูงของค่าน้ำมัน ที่แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถสัมผัสความหายนะนี้ได้เช่นกัน

สงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นสงครามที่มีตัวแสดงต่างๆ ในเวทีระหว่างประเทศเข้ามามีบทบาทไม่ในทางตรงก็ทางอ้อม แม้แต่สวิตเซอร์แลนด์ที่มีนโยบายวางตัวเป็นกลางนับตั้งแต่สงครามโลก ก็ยังเข้าร่วมการคว่ำบาตรรัสเซียในสงครามนี้ 

นอกจากนี้ ในการเปิดรับทหารอาสาทั่วโลกของกองทัพยูเครน จนมีเหล่าทหารอาสาจากชาติต่างๆ สมัครเข้าร่วมรบต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย แม้จะไม่ได้มีการส่งกองทัพนานาชาติเข้าไปร่วมรบจากทางรัฐโดยตรง แต่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ปรากฏการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่สงครามระหว่างสองรัฐ หากแต่เป็นสงครามระดับโลกทั้งในแง่เศรษฐกิจ การเมือง จนกระทั่งความเป็นพลเมืองโลกของพลเรือนในรัฐต่างๆ

มีอะไรเกิดขึ้น และอะไรคือปัจจัยของสงครามในครั้งนี้บ้าง นับตั้งแต่การรับรองเอกราชสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ และสาธารณรัฐประชาชนลูฮานสก์โดยรัสเซีย เมื่อ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา และการออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการรุกรานยูเครนของกองทัพรัสเซียในวันแรกเมื่อ 24 ก.พ. ของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย จนถึงสถานการณ์ปัจจุบันของสงคราม  ‘วอยซ์’ ชวนย้อนไปดูต้นตอของปัญหาที่เป็นประวัติศาสตร์ความขัดแย้งอันยาวนานตั้งแต่สมัยก่อนสงครามเย็น ซึ่งมีหลากหลายประเด็นที่ยึดโยงกับประวัติศาสตร์ที่ปูตินได้หยิบยกมาใช้เป็นข้ออ้างในการบุกยูเครนของกองทัพรัสเซีย ดังที่ได้กล่าวในวีดีโอแถลงการณ์ของเครมลิน

 

ประวัติศาสตร์ความบาดหมางในภูมิภาคดอนบาส

ย้อนกลับไปในปี 2461 ยูเครนประกาศอิสรภาพจากรัสเซียในสงครามไครเมีย นานาชาติยอมรับการเป็นรัฐเอกราชของยูเครนในสนธิสัญญาเบรสต์-ลิตอฟสค์ (Treaty of Brest-Litovsk) จนเมื่อกองกำลังโซเวียตโค่นอำนาจอธิปไตยของยูเครน สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตยูเครนก็ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2464 ต่อมาในปี 2482-2487 สหภาพโซเวียตได้ผนวกดินแดนยูเครนตะวันตกจากโปแลนด์และโรมาเนีย จนในภายหลังที่นาซีเยอรมันกับพันธมิตรอักษะได้บุกยึดสหภาพโซเวียตและเข้ายึดครองยูเครนในเวลาต่อมา 

ผ่านมาหลายทศวรรษของการปกครองภายใต้สหภาพโซเวียต ยูเครนได้รับอิสรภาพคืนและประกาศเอกราชในปี 2534 จากการลงประชามติโดยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 92% ในเวลาต่อมา รัสเซีย ยูเครน และเบลารุส ได้ลงนามในข้อตกลงโดยตระหนักว่าสหภาพโซเวียตได้ถูกยุบลงไปแล้ว ยูเครนได้เริ่มเปลี่ยนประเทศไปสู่ระบบเศรษฐกิจแบบตลาด และเข้ามาครอบครองคลังอาวุธนิวเคลียร์จำนวนมากที่เคยเป็นของสหภาพโซเวียต แต่สุดท้าย ยูเครนได้ยอมปลดนิวเคลียร์ลงในปี 2537 เพื่อแลกกับคำสัญญาของรัสเซียว่าจะเคารพอธิปไตยของยูเครนในข้อตกลงบูดาเปสต์ 

ในปี 2557 กองกำลังรัสเซียมีเป้าหมายในการสร้างระเบียงระหว่างแหลมไครเมียของยูเครนที่ถูกผนวกเข้ากับรัสเซีย กับพื้นที่ที่ถูกยึดครองโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครนตะวันออกซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยรัสเซีย โดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนประกาศเป็นอิสระจากยูเครน และแยกตัวออกมาเป็นสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮานสก์ แต่กองกำลังยูเครนใกล้กับเมืองมือกอลายิวทางตะวันตก และเมืองมารีอูปอลทางตะวันออกเฉียงใต้มีการต่อต้านความพยายามดังกล่าวของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอย่างรุนแรง ทำให้การรุกรานของรัสเซียช้าลงเป็นอย่างมาก การปะทะทางทหารในภูมิภาคดอนบาสจึงเริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง 

ทั้งนี้ การทำข้อตกลงที่กรุงมินสก์ (Minsk Accords) ในเมืองหลวงของเบลารุสเมื่อปี 2558 เพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทภูมิภาคดอนบาส เช่น การแลกเปลี่ยนนักโทษ การส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เขตปลอดทหาร การถอนอาวุธหนัก และมีความพยายามในการทำข้อตกลงฉบับสอง โดยการยื่นมือเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยของ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงได้พังทลายลงอย่างรวดเร็ว เพราะการละเมิดของทั้งสองฝ่าย ต่อมาในปี 2562 โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ได้ชนะจากผลโหวตเสียงข้างมาก และขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดียูเครน โดยเซเลนสกีสัญญาว่าจะสร้างสันติภาพกับรัสเซีย และฟื้นฟูภูมิภาคดอนบาสให้กลับคืนสู่ยูเครนอีกครั้ง

 

ชนวนสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ในวันที่ 21 ก.พ. รัสเซียประกาศรับรองเอกราชของภูมิภาค ที่มีข้อพิพาทในภูมิภาคดอนบาสให้เป็นรัฐอิสระแยกจากยูเครน คือ สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ และ สาธารณรัฐประชาชนลูฮานสก์ หลังจากการประกาศของรัสเซีย สหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศทันทีว่า ตนจะไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำรัสเซีย-สหรัฐฯ ที่กำลังจะจัดขึ้นโดยผู้นำฝรั่งเศส เพื่อประท้วงรัสเซียจากประเด็นการรับรองเอกราชสองภูมิภาคในดอนบาส ซึ่งเวทีการประชุมสุดยอดควรจะจัดขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. และคาดหมายว่าจะเป็นการเจรจาครั้งสุดท้ายเพื่อหาทางออกให้กับวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนโดยสันติวิธี

ในวันที่ 24 ก.พ. กองทัพรัสเซียเคลื่อนกำลังของตนเข้าไปในภูมิภาคดอนบาสทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน นับเป็นวันแรกของการรุกราน โดยปูตินได้ออกวิดีโอแถลงการณ์สื่อสารกับชาวรัสเซียว่า เป้าหมายของเขาคือการ "กำจัดลัทธินาซีในยูเครน" เพื่อปกป้องประชาชนที่เขาอ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยรัฐบาลยูเครนมานานกว่าแปดปี 

ปูตินอ้างว่ารัสเซียถูกมองเป็นผู้ร้าย เมื่อต้องการแทรกแซงด้วยเหตุผลทางด้านมนุษยธรรมในภูมิภาคดอนบาส ที่มีชายแดนติดกันกับรัสเซีย และมีข้อพิพาทในประเด็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทั้งสอง ทั้งๆ ที่สหรัฐฯ ก็เคยกระทำการในลักษณะนี้ด้วยเช่นกัน โดยการแทรกแซงผ่านองค์การระหว่างประเทศอย่างสหประชาชาติ เช่น เหตุการณ์ในอิรัก เหตุการณ์ในซีเรีย ฯลฯ โดยปูตินกล่าวว่าการอ้างเหตุผลด้านมนุษยธรรมของสหรัฐฯ นั้นไม่มีความชอบธรรม

ทั้งนี้ ในวิดีโอยังมีการกล่าวตอกย้ำความสามัคคีที่ฝังแน่นในหมู่ชาวสลาฟตะวันออก กล่าวคือ รัสเซีย ยูเครน และเบลารุส ที่สืบเชื้อสายมาจากจักรวรรดิเคียฟรุสในยุคกลาง ซึ่งเน้นย้ำถึงความเป็นเอกภาพของจักรวรรดิรัสเซียและชาวสลาฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความเป็น “สลาฟ” และ แกนกลางของศาสนาคริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์ ทั้งยังมีการกล่าวอ้างว่าอัตลักษณ์ของยูเครนและเบลารุสที่ดูแตกต่างกัน เป็นผลมาจากการแทรกแซงโดยต่างประเทศใน "โครงการต่อต้านรัสเซีย"

“เราต้องหยุดความโหดร้ายนั้น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของผู้คนนับล้านที่อาศัยอยู่ที่นั่น และผู้ที่ฝากความหวังไว้ที่รัสเซีย ให้กับพวกเราทุกคน” ปูตินกล่าว

ทั้งนี้ เรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในยูเครนนั้นไม่มีมูล แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องที่รัสเซียทำซ้ำมาหลายปีโดย ดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครน ได้กล่าวว่า “มันบ้ามาก บางครั้งพวกเขาก็ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่พวกเขาอ้างถึงได้”

ปูตินยังกล่าวถึงการตอบกลับของนานาชาติ ทั้งสหรัฐฯ และพันธมิตรของสหรัฐฯ ว่าได้คุกคามรัสเซียด้วยการเคลื่อนยุทโธปกรณ์ขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) เข้ามาใกล้เขตแดนของรัสเซีย ปูตินเชื่อว่าการที่ NATO เริ่มมีพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของรัฐตน เป็นการกระทําที่ไม่มีความชอบธรรม แต่กลับถูกสนับสนุนจากนานาชาติทั้งๆ ที่ความชอบธรรมที่ สหรัฐฯ สร้างขึ้นมา เป็นการสร้างบรรทัดฐานระเบียบโลกหลังสงครามเย็นขึ้นมาโดยสหรัฐฯ เอง

 

มาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติต่อรัสเซีย

นับตั้งแต่การประกาศรับรองเอกราชของสองภูมิภาคในดอนบาสของรัสเซีย เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา สหรัฐฯ และพันธมิตรโลกตะวันตกอย่างสหราชอาณาจักร แคนาดา ญี่ปุ่น ฯลฯ ได้พากันประกาศคว่ำบาตรต่อรัสเซียทันที เช่น การประกาศให้รัสเซียถูกจำกัดออกจากระบบการชำระเงินทั่วโลก (SWIFT) รวมถึงสหภาพยุโรปได้ขึ้นบัญชีดำนักการเมือง สมาชิกสภานิติบัญญัติ และเจ้าหน้าที่รัสเซีย ห้ามนำเข้าเหล็กจากรัสเซีย ห้ามนักลงทุนในสหภาพยุโรปซื้อขายพันธบัตรรัฐของรัสเซีย มีการชะลอโครงการท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 ซึ่งเป็นท่อส่งแก๊สตรงเข้าสู่เยอรมนีโดยไม่ต้องผ่านยูเครน

สหรัฐฯ แคนาดา และสหภาพยุโรป ยังได้ห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซียในทั้งหมดและบางส่วน แม้แต่สวิตเซอร์แลนด์ที่มีนโยบายวางตัวเป็นกลางนับตั้งแต่สงครามโลก ก็ยังเข้าร่วมการคว่ำบาตรรัสเซียในสงครามนี้ด้วย ผ่านการคว่ำบาตรธุรกรรมกับธนาคารกลางรัสเซีย ระงับทรัพย์สินในต่างประเทศ ห้ามการส่งออกที่มีส่วนในการเพิ่มสมรรถนะทางการทหารและเทคโนโลยีของรัสเซีย ใช้มาตรการของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการเข้าถึง SWIFT ของธนาคารรัสเซีย และอายัดทรัพย์สินรัสเซียมูลค่ากว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.1 แสนล้านบาท) ฯลฯ

สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กองทัพรัสเซียตัดสินใจก่อในครั้งนี้ ส่งผลให้ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียอ่อนตัวมากที่สุดในรอบหลายปี และการคว่ำบาตรของนานาชาติทำให้รัสเซียติดหนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2541 เพราะการตัดความสัมพันธ์ทางการเงินของนานาชาติทำให้การเงินของรัสเซียหยุดชะงัก โดยรัสเซียผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศราว 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.5 พันล้านบาท)

ทิโมธี แอช นักยุทศาสตร์ด้านการลงทุนของบริษัทบลูเรย์ แอสเซท แมเนจเมนท์กล่าวว่า สำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างชาติ (OFAC) ในสังกัดกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลการคว่ำบาตรด้านเศรษฐกิจและการค้านั้น สามารถสั่งระงับไม่ให้รัสเซียชำระหนี้พันธบัตรผ่านทางสถาบันการเงินในฝั่งตะวันตกได้ทุกเวลา ซึ่งจะทำให้รัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผิดนัดชำระหนี้ได้ทุกเวลาเช่นกัน

 

สถานการณ์ปัจจุบันของสงคราม

รัสเซียเข้าควบคุมเมืองท่ามารีอูปอล หลังจากการปิดล้อมที่กินเวลานานกว่าสองเดือน ก่อนสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนในปัจจุบัน กองทัพรัสเซียได้ทำการเข้าควบคุมเมืองลีซีซานสก์ทางตะวันออกของยูเครนสำเร็จ โดยกองกำลังยูเครนยืนยันว่าพวกเขาได้ถอนตัวจากเมืองลีซีซานสก์แล้ว 

เจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวว่ากองกำลังของพวกเขากำลังต่อสู้เพื่อ "การปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์" ของภูมิภาคดอนบาส ซึ่งในขณะนี้ รัสเซียได้ควบคุมพื้นที่ทั้งหมดของภูมิภาคลูฮานสก์แล้ว ความคืบหน้านี้ของรัสเซียเกิดขึ้นจากการยึดเมืองเมืองเซเวโรโดเนสก์ที่อยู่ใกล้เคียงเมื่อไม่นานมานี้ได้สำเร็จ โดย เซเลนสกีได้ให้คำมั่นว่ากองกำลังของยูเครนจะกลับมาเพื่อยึดลีซีชานสก์คืน "ด้วยการจัดหาอาวุธสมัยใหม่เพิ่มขึ้น"

หลังจากกองทัพรัสเซียสามารถควบคุมเมืองลีซีชานสก์ และภูมิภาคลูฮานสก์ได้สำเร็จ แผนถัดไปของรัสเซียคาดว่าจะเป็นการยึดครองภูมิภาคโดเนตสก์ ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร (MoD)

ทั้งนี้ กองทัพรัสเซียยังคงโจมตีกองกำลังยูเครนอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ทางตอนใต้ของยูเครนอย่างเมืองซาปอริซเชีย, เคอร์ซอน, มือกอลายิว และ ดนีปรอเปตรอฟสค์ สถาบันการศึกษาแห่งสงคราม (ISW) รายงานว่า การให้ลำดับความสำคัญในปัจจุบันของรัสเซียในพื้นที่ตอนใต้ของยูเครน คือ การหยุดการตอบโต้ของกองกำลังยูเครน ซึ่งกองทัพรัสเซียประสบความสำเร็จในการยึดครองดินแดนได้บางบางส่วน แต่ในทางทิศตะวันตก รัสเซียตั้งเป้าที่จะเข้าควบคุมโอเดสซา ออบลาสต์ และขัดขวางไม่ให้ยูเครนเข้าถึงทะเลดำได้ อย่างไรก็ดี กองทัพรัสเซียถูกขัดขวางในเมืองมือกอลายิว และถูกบีบกลับให้ถอยไปสู่เคอร์ซอนโดยกองกำลังยูเครน

ในเดือน มี.ค. รัสเซียประสบความสำเร็จในการยึดเกาะงูในทะเลดำ และใช้การป้องกันทางอากาศประจำการที่เกาะเพื่อปกป้องเรือของกองทัพเรือรัสเซียที่ปิดกั้นชายฝั่งยูเครน และขัดขวางการค้าทางทะเลของยูเครนในทะเลดำ อย่างไรก็ตาม กองทัพรัสเซียถอนกำลังออกจากเกาะเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. โดยยูเครนกล่าวว่าตนได้ประสบความสำเร็จในการบีบกองทัพรัสเซีย ผ่านการโจมตีด้วยปืนใหญ่ ทั้งนี้ รัสเซียกล่าวถึงการถอนตัวออกจากเกาะว่าการถอนกำลังในครั้งนี้นับเป็น "การแสดงความปรารถนาดี"

ทั้งนี้ ในการประชุมสุดยอดผู้นำตะวันตก G7 โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และประธาน G7 ให้คำมั่นในการแถลงข่าวปิดการประชุมว่า “สิ่งสำคัญคือการยืนหยัดร่วมกันในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็น” อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสุดยอดมีความขัดแย้งในประเด็นเรื่องการหาวิธีลดกระแสเงินเข้าสู่รัสเซียจากการบริโภคพลังงานจากรัสเซียของตะวันตก

เยอรมนีเกรงว่าการจำกัดราคาน้ำมันหรือก๊าซจะนำไปสู่การตัดขาดแหล่งพลังงานของรัสเซียอย่างสมบูรณ์ และจะเป็นการล่มสลายของอุตสาหกรรมในยุโรป ซึ่ง G7 กล่าวว่าจะ "ดำเนินการทันทีเพื่อรักษาแหล่งพลังงานและลดราคาที่พุ่งสูงขึ้นจากสภาวะตลาดที่ผันผวน โดยรวมไปถึงการสำรวจมาตรการเพิ่มเติม เช่น การจำกัดราคา" 

ทิศทางของสงครามจะดำเนินไปทางไหน ต้องมีผู้บริสุทธิ์สูญเสียอีกเท่าไหร่ และผลลัพธ์ของความบาดหมางครั้งนี้จะจบลงอย่างไร ถูกกำหนดในหมากเกมการเมืองของผู้นำที่มีอำนาจในการกำหนดนโยบายทางการเมือง ความสูญเสียมิได้เกิดกับผู้จุดชนวนสงคราม แต่เป็นพลเรือนหลายล้านคนที่กลายเป็นเหยื่อของความรุนแรง ทั้งเด็กที่กลายเป็นเด็กกำพร้า อัตราการถูกข่มขืน  ความสูญเสียในทรัพย์สิน ที่อยู่อาศัย ตลอดจนชีวิตของพลเรือน


เรียบเรียงโดย สายธาร เลิศสุริยะกุล


ที่มา:

https://www.nytimes.com/2022/03/26/world/europe/ukraine-russia-tensions-timeline.html

https://www.csis.org/analysis/russias-war-ukraine-identity-history-and-conflict

https://www.reuters.com/world/europe/extracts-putins-speech-ukraine-2022-02-21/

https://www.bbc.com/news/world-europe-56720589

http://en.kremlin.ru/events/president/news/67843

https://www.swissinfo.ch/eng/war-in-ukraine--neutral-switzerland-confirms-its-position-on-transfer-of-war-material/47647352

https://www.dw.com/en/russia-recognizes-independence-of-ukraine-separatist-regions/a-60861963

https://www.reuters.com/markets/europe/neutral-switzerland-leans-closer-nato-response-russia-2022-05-15/

https://fightforua.org

https://www.government.nl/topics/russia-and-ukraine/the-netherlands-position

https://www.aljazeera.com/news/2022/2/9/what-is-the-minsk-agreement-and-why-is-it-relevant-now

https://www.theguardian.com/world/2022/jun/27/russia-defaults-on-foreign-debt-for-first-time-since-1917-revolution-reports

https://graphics.reuters.com/UKRAINE-CRISIS/SANCTIONS/byvrjenzmve/

https://www.bbc.com/news/world-europe-60506682

https://www.theguardian.com/world/2022/jun/28/g7-summit-talks-russia-war-ukraine