นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชาติ อดีตรัฐมนตรีคมนาคม กล่าวถึงกรณีการบินไทยโดยมีข้อเสนอว่า ให้ปฏิรูปหรือรีโนเวตใหม่ ด้วยการลดการถือหุ้นของรัฐโดยกระทรวงการคลังลงให้เหลือ 10-20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หรือให้เอกชนถือหุ้นทั้งหมด โดยยังใช้แบรนด์การบินไทย เพื่อเปิดทางให้มืออาชีพเข้าไปบริหาร อย่างการดำเนินการของสายการบินประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, กาตาร์, นิวซีแลนด์, เยอรมนีและอีกหลายประเทศ ที่ฟื้นฟูและกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง
อีกทั้งในฐานะที่เคยดูแลการบินไทยมา 2 สมัยในช่วงเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปี 2537-2539 และ ปี 2544-2545 การบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจทำกำไรได้ตลอด และย้ำว่าการเปิดเสรีการบินเมื่อปี 2545 ซึ่งได้รองรับสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิและรับการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้ประเทศเป็นแสนล้านบาทต่อปีในเวลาต่อมา ดังนั้นจะโทษการเปิดเสรีการบิน ว่าทำให้การบินไทยขาดทุนไม่ได้
ยันนโยบายเสรีการบิน สร้างกำไรนับหมื่นล้าน
เพราะหลังเปิดเสรี ปี 2545-2547 มีกำไรมากกว่าหมื่นล้านบาทต่อปี ระหว่างปี 2548-2549 มีกำไรปีละ 6,000-7,000 พันล้านบาท แต่มาขาดทุนหนักหน่วงปี 2557 ถึง 1.5 หมื่นล้าน หากรวมปี 2557-2562 ขาดถึงรวมมากกว่า 50,000 ล้านบาทและเฉพาะปีนี้ที่มีสถานการณ์โควิด-19 ด้วย คาดว่าขาดทุนถึง 50,000 ล้านบาทในปีเดียว และหากรัฐบาลค้ำประกันเงินกู้น่าจะใช้ได้เพียง 5 เดือน ภายใต้โครงสร้างการบริหารงานแบบเดิมเงินก็จะหมด
เปิดทางนักบริหารอาชีพ
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวด้วยว่า การบินไทยมีจุดแข็งเป็นสายการบินแห่งชาติที่มีรัฐบาลดูแลหรือถือหุ้นใหญ่ มีการบริการดี ทั้งพนักงานและอาหาร ผู้โดยสารรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยในการใช้บริการ แต่มีจุดอ่อน คือ การเมืองเข้าไปแทรกแซงมากเกินไป และก่อตั้งมานานโดยมีลักษณะเป็นรัฐวิสาหกิจที่ผูกขาดไม่ค่อยมีคู่แข็ง และปรับตัวไม่ทันสถานการณ์ โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่เเข่งขันกันเข้มข้น
ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือต้องทำให้ได้กำไร โดยนักบริหารที่เป็นมืออาชีพ, สร้างความโปร่งใสหรือธรรมาภิบาลในองค์กร และรัฐต้องถอนหุ้นออกมาให้เอกชนถือหุ้นทั้งหมด หรือหากยังคงหุ้นของรัฐก็ควรจะน้อยที่สุดไม่ควรเกิน 25 เปอร์เซ็นต์
อ่านเพิ่มเติม