ไม่พบผลการค้นหา
ก.ล.ต.ชงปรับปรุงกฎหมายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพรองรับสังคมสูงวัย เผยปัจจุบันลูกจ้างเอกชนเป็นสมาชิกกองทุนฯ เพียง 3 ล้านคน มีเงินออมพึงมีขั้นต่ำระดับ 3 ล้านบาทหลังวัยเกษียณเพียงร้อยละ 24

ก.ล.ต. เสนอแนวทางปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ให้เป็นการออมที่รองรับการเกษียณมากยิ่งขึ้น สร้างกลไก ช่วยให้สมาชิกมีนโยบายการลงทุนที่เหมาะสม รวมทั้งผลักดันและส่งเสริมให้ประชาชนมีรายได้หลังเกษียณที่เพียงพอซึ่งจะสอดคล้องกับร่าง พ.ร.บ. กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ 

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ในปี 2564 ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ จากการเพิ่มสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุ เป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่แรงงานในระบบส่วนใหญ่ยังมีรายได้หลังเกษียณที่ไม่เพียงพอ ด้วยเหตุนี้การออมเพื่อการเกษียณจึงเป็นวาระแห่งชาติที่มีการบรรจุทั้งในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และแผนพัฒนาตลาดทุนไทย 

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ PVD ซึ่งเป็นแหล่งเงินออมสำคัญรองรับการเกษียณแก่ลูกจ้าง ยังมีสมาชิกเพียง 3 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนลูกจ้างภาคเอกชนในระบบ (ข้อมูล ณ ธ.ค. 2562 จากกระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงาน) ขณะที่โครงการศึกษาวิเคราะห์ระดับสินทรัพย์การออมขั้นต่ำที่ผู้เกษียณอายุพึงมีสำหรับการประกันคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐาน (วัยสูงอายุ) โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า มีจำนวนสมาชิกที่ได้รับเงินหลังเกษียณมากกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินขั้นต่ำที่พึงมี เพียงร้อยละ 24 ของจำนวนสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ กลต.
  • รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต.

ก.ล.ต. จึงได้เสนอหลักการการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 เพื่อเพิ่มศักยภาพกองทุนฯ ให้รองรับการเกษียณของลูกจ้างและช่วยผลักดันให้แรงงานในระบบมีรายได้หลังเกษียณที่เพียงพอ ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต.มีมติเห็นชอบในการประชุมครั้งที่ 9/2563 เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2563 โดยมีหลักการสำคัญ 4 ด้าน ดังนี้  

1) สนับสนุนให้นายจ้างที่มี PVD เป็นสวัสดิการอยู่แล้ว จัดให้ลูกจ้างสมัครเป็นสมาชิกได้โดยอัตโนมัติ เว้นแต่ลูกจ้างจะปฏิเสธ 

2) ส่งเสริมกลไกที่ช่วยให้สมาชิกมีนโยบายการลงทุนที่เหมาะสม โดยกำหนดให้กองทุนเลือกนโยบายการลงทุนให้แบบอัตโนมัติสำหรับสมาชิกที่ไม่เลือกนโยบายการลงทุนด้วยตนเองที่สอดคล้องกับคุณลักษณะของสมาชิก เช่น อายุ ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ 

3) เพิ่มประสิทธิภาพ PVD เช่น การปรับปรุงกลไกการคุ้มครองสมาชิกให้ได้รับความเป็นธรรม โดยกำหนดคุณสมบัติ บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการกองทุน การแจ้งให้สมาชิกทราบถึงความเพียงพอของเงินออม โดยการนำเสนอการคาดการณ์เงินออมยามเกษียณ การกำหนดมาตรฐานข้อบังคับและการรับจดทะเบียน PVD เพื่อลดภาระกับภาคเอกชน และการเพิ่มความยืดหยุ่นในการออมให้ลูกจ้าง

4) การพัฒนา PVD เพื่อรองรับร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ ซึ่งเป็นกองทุนการออมภาคบังคับของแรงงานภาคเอกชนในระบบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :