ในทางตรงกันข้าม มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกมาอ้างล่าสุดว่า หนังสือ 1984 ของนักเขียนอังกฤษดังอย่าง จอร์จ ออร์เวลล์ ไม่ได้ทำการวิจารณ์ลัทธิอำนาจนิยม แต่เป็นการพูดถึงทางตันของลัทธิเสรีนิยม ทั้งนี้ คำกล่าวอ้างของซาคาโรวาถูกวิจารณ์เป็นวงกว้าง จากการที่เธอกล่าวอ้างว่าเรื่องอำนาจนิยมในหนังสือ 1984 เป็น “หนึ่งในเรื่องโกหกคำโตระดับโลก”
หนังสือนิยายดิสโทเปียของออร์เวลล์อย่าง 1984 ได้รับการยกย่องว่าเป็นนิยายขึ้นหิ้งที่ถูกแปลไปในหลายภาษาทั่วโลกรวมถึงภาษาไทย หนังสือพูดถึงลัทธิอำนาจนิยมและการต่อต้านเผด็จการ โดยหนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2492 โดยมีความเชื่อว่าออร์เวลล์แต่งหนังสือ 1984 เป็นภาพสะท้อนการพรรณนาถึงระบอบนาซีเยอรมนีและคอมมิวนิสต์โซเวียต เพื่อจำลองมาเป็นพื้นเรื่องหลักของหนังสือระดับตำนานนี้
“ในหลายปีที่ผ่านมา เราเชื่อว่าหนังสือของออร์เวลล์อธิบายถึงความน่ากลัวของระบอบอำนาจนิยม สิ่งนี้เป็นหนึ่งในเรื่องโกหกคำโตระดับโลก ออร์เวลล์เขียนถึงจุดสิ้นสุดของระบอบเสรีนิยม เขาเล่าเรื่องว่าลัทธิเสรีนิยมจะนำมนุษยชาติไปสู่ทางตันอย่างไร” ซาคาโรวาในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวหาว่าหนังสือ 1984 ไม่ได้ทำการวิจารณ์ระบอบเผด็จการแต่อย่างใด
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแสดงความเห็น ที่ค้านกับสายตานักอ่านผู้ติดตามออร์เวลล์ทั่วโลก โดยเธอได้อธิบายข้ออ้างดังกล่าว หลังจากที่ถูกถามว่าชาวรัสเซียจะตอบคำถามกับเพื่อนหรือญาติของตนเองที่อาศัยอยู่ในต่างแดนได้อย่างไรว่า รัสเซียกำลังอยู่ในโลกยุคปัจจุบัน แต่เป็นบริบทที่ไม่ต่างไปจากในหนังสือ 1984 ของออร์เวลล์ที่เขียนขึ้นเมื่อ 70 กว่าปีก่อน
“ออ์เวลล์ไม่ได้เขียนอะไรที่เกี่ยวกับสหภาพโซเวียต มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรา” ซาคาโรวาระบุ “เขาเขียนเกี่ยวกับสังคมที่เขาอยู่อาศัย เกี่ยวกับการเสื่อมถอยของลัทธิเสรีนิยม และคุณถูกทำให้เชื่อว่าออร์เวลล์เขียนเรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับคุณ” ซาคาโรวาแนะนำผู้ถามคำถามกับเธอให้ตอบคำถามกับญาติตัวเองว่า “มันคือพวกคุณในตะวันตกต่างหากที่อยู่ในโลกแฟนตาซี ในสถานที่ที่ผู้คนสามารถถูกการแบนคว่ำบาตรเลิกสนับสนุนได้”
การรุกรานยูเครนของรัสเซียที่เกิดขึ้นตั้งแค่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ถูกทางการและสื่อของรัสเซียสร้างความชอบธรรมด้วยตนเอง เรื่องจริงดังกล่าวถูกนำมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์สำคัญในหนังสือ 1984 ของออร์เวลล์ที่มีคำพูดเฉลิมฉลองการทำสงครามว่า “สงครามคือสันติภาพ เสรีภาพคือการเป็นทาส ความโง่เขลาคือความแข็งแกร่ง”
การแถลงของทางการรัสเซีย โดยเฉพาะคำพูดของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย พยายามสร้างความชอบธรรมในการรุกรานยูเครนว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร” เพื่อ “ปลดแอก” ยูเครน นอกจากนี้ รัฐบาลรัสเซียยังได้ออกกฎหมายการห้ามวิพากษ์วิจารณ์สงครามในครั้งนี้ พร้อมกับห้ามการเรียก “ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร” ของตนในยูเครนว่าเป็น “สงคราม” หรือ “การรุกราน”
แม้ว่าทางการรัสเซียพยายามสร้างความชอบธรรมในการทำสงครามรุกรานยูเครน ด้วยชุดคำอธิบายของตนเอง หนังสือ 1984 ในรัสเซียกลับมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีรายงานระบุว่ายอดขายหนังสือ 1984 ของออร์เวลล์ในตลาดรัสเซียมีพุ่งสูงขึ้นกว่า 75%
นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่าคู่สามีภรรยาชาวยูเครน ที่เดินทางกลับมายังบ้านเกิดของตนเองบริเวณเมืองเออร์ปิน หลังจากการย้ายถื่นเพื่อหนีสงครามรอบกรุงเคียฟ ทั้งสองพบว่าหนังสือ 1984 ในภาษารัสเซียบนชั้นวางของพวกตน ถูกนำออกมาจากชั้นวางหนังสือในบ้าน และเปิดหน้าหนังสือดังกล่าววางทิ้งเอาไว้บนโซฟา ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ว่าทหารรัสเซียปริศนารายดังกล่าวได้เปิดอ่านหนังสือในตำนานของออร์เวลล์ ขณะที่ตนร่วมทัพในการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูเครนด้วย
อย่างไรก็ดี วิกตอร์ โกลีเชฟ นักภาษาศาสตร์คนสำคัญที่แปลนวนิยายต่างประเทศเป็นภาษารัสเซีย ได้ออกมาโต้แย้งคำกล่าวอ้างของซาคาโรวา พร้อมชี้ว่าหนังสือไม่ได้พูดถึงการล่มสลายของลัทธิเสรีนิยมเลย “แม้แต่น้อย” โดยโกลีเชฟในฐานะผู้เชี่ยวชาญการแปลกล่าวว่า “ผมคิดนวนิยายพูดถึงรัฐเผด็จการ เมื่อเขา (ออร์เวลล์) เขียนมันขึ้น รัฐเผด็จการก็ล่มสลายแล้ว แต่ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง รัฐกว่าครึ่งของยุโรปมีรัฐบาลเผด็จการ สมัยนั้นมันไม่มีความเสื่อมของลัทธิเสรีนิยมเลยแม้แต่น้อย”
ที่มา: