ภายหลังอนาคตใหม่ใช้ไม้แข็งขับ 4 งูเห่าแหกมติพรรคโหวตสวน ยังมีประเด็นสังคมต้องร่วมจับตา นอกจากหมายหัวประณามผู้แทนขายตัว ก็ต้องร่วมเกาะติดผลประโยชน์ทับซ้อนยึดตามบัญชีทรัพย์สินที่แจ้งไว้ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขาเข้า รอตรวจสอบขาออกเมื่อพ้นตำแหน่ง
น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ ทรัพย์สิน 950,000 บาท หนี้สิน 727,415 บาท
นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี ทรัพย์สิน 13,024794 บาท หนี้สิน 3,833,504 บาท
พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี ทรัพย์สิน 52,420,708 บาท หนี้สิน 15,028,754 บาท
น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ทรัพย์สิน 1,453,288 บาท หนี้สิน 453,519 บาท
ในทางการเมืองภาพรวมรัฐบาลดูเหมือนจะเข้มแข็งขึ้น เมื่อฝ่ายค้านเหลือ 240 เสียง จากเดิมที่มีจำนวนเต็ม 244 เสียง
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล 16 พรรค (+ 2 พรรคฝ่ายค้านอิสระ) มีจำนวน 254 เสียง ( นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.)
เมื่อหักประธาน และรองประธานสภาฯ ที่จะต้องงดออกเสียงเป็นธรรมเนียมในสภาฯ ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลจะมีเสียงเหลือ 251 เสียง
เมื่อได้ ส.ส.ที่เพิ่งถูกขับออกจากพรรคอนาคตใหม่อีก 4 เสียงมาด้วย จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลมีเสียง ยืนพื้นในสภาฯ ขั้นต่ำ 255 เสียง ซึงถือว่ามีเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎรเท่าที่มีอยู่ 498 เสียง
ทว่าสถานการณ์ยังไม่นิ่ง พรรคร่วมรัฐบาลยังว่าท่า 'อีแอบ' ไม่กล้าออกหน้า 'ดูด' เพิ่มเสียงสร้างแต้มต่อรอง เพราะยังไร้ความชัดเจนต่อการคิดคะแนนสูตรพิสดาร กว่า 1.6 แสนเสียงของ 4 งูเห่าจากพรรคอนาคตใหม่จะ "ติดตัว" หรือ "ติดพรรค" ยังเป็นคำถาม ที่กลับมามัดคอพรรคร่วมรัฐบาลที่ได้เปรียบจาก "รัฐธรรมนูญฉบับดีไซน์มาเพื่อเรา"
"คะแนนติดตัว" ส.ส.ขายตัวนำไปนับรวมกับพรรคสังกัดใหม่
พรรคอนาคตใหม่ก็จะต้องได้ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 1 คน เนื่องจากยอดส.ส.พึงมีอนาคตใหม่จาก 81 คน เมื่อหัก 1.6 แสนคะแนน จะมีส.ส.พึงมี 77 คน ยอดส.ส. พรรคอนาคตใหม่ที่เคยมี 80 คน ลบออก 4 จะเหลือ 76 คน
"คะแนนติดพรรค" อนาคตใหม่จะต้องได้ ส.ส.เพิ่มอีก 4 คน เพื่อรวมกับยอด 76 ส.ส.ที่มีอยู่ก็จะครบ 80 ส.ส. ตามยอดที่มีอยู่เดิม
ถ้าคิดตามความน่าจะเป็นเช่นนี้ เชื่อขนมกินได้ ถ้าพรรคฝ่ายค้านอยู่ในจุดที่ได้ประโยชน์ ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในทางการเมืองและคณิตศาสตร์ของสภาฯ
ยิ่งดูจากการอ่านเกมของ 'สมชัย ศรีสุทธิยากร' อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฟันธงว่า จะไม่มีการคำนวนคะแนนใหม่จาก กกต.ชุดปัจจุบัน เพราะพรรครัฐบาลที่รับ ส.ส.เหล่านี้ไปไม่เกิดการเสียเปรียบตัวเลขในสภาฯ ทันที หากต้องตัดยอด ส.ส.พึงมี โดยเฉพาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคร่วมรัฐบาลในพรรคใดออกไป
เมื่อพิจารณาจากตัวแบบก่อนหน้ากรณี 'ไพบูลย์ นิติตะวัน' ย้ายจากพรรคประชาชนปฏิรูป เข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ก็จะยิ่งพบความเป็นไปได้ในรูปแบบดังกล่าว การโยกซบพลังประชารัฐ สามารถทำได้โดยไม่ต้องมีคำตอบที่ชัดเจนจากผู้ที่ทำหน้าที่เป็น กกต. ในเรื่องการคำนวณคะแนน
ขณะเดียวกัน การเดินหน้าสู่กระบวนการยุบพรรคอนาคตใหม่อย่างเร่งรีบในคดีเงินกู้กว่า 191 ล้านบาท เพียง 6 เดือน นับจากมีผู้ร้องเรื่องเงินบริจาค หรือเพียง 4 วัน ที่ กกต.พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ท่ามกลางเอกสารหลุดงามหน้าความคิดเห็นตั้งธงทุบความหวัง 6.3 ล้านเสียงคนรุ่นใหม่ ของเลขาธิการ กกต. ซึ่งเป็นตัวสำรอง ส.ว.ลากตั้ง ก็อาจอนุมานได้ว่า กรณี ไพบูลย์ ซบพปชร. โดยไม่คิดคะแนน กรณีพรรคร่วมรัฐบาลจ่อรวบ 4 งูเห่า และกรณียุบพรรคอนาคตใหม่ แท้จริงแล้วคือเรื่องเดียวกัน
เพราะในเมื่อคะแนน 'ไพบูลย์' ไม่ต้องถูกคำนวนใหม่ ขณะที่ กกต.ก็ไม่ให้คำตอบที่แน่ชัดกับการเลือกตั้งซ่อมในบางเขตที่ต้องมีการคำนวณใหม่ถูกเตะถ่วง เพื่อให้เข้าเงื่อนไขยุติการนับคะแนนเมื่อครบ 1 ปี ที่กำลังจะถึงในเดือน มี.ค.ปี 2563
ยิ่งการเร่งเครื่องด้วยการทุบ-ทำลาย 'พรรคอนาคตใหม่' ด้วยแล้ว
วิญญูชนทั้งหลายก็คงเข้าใจเป็นอื่นไม่ได้ว่า เป้าหมายสุดท้ายอยู่ที่การยุบพรรค คือ กวาดต้อนอีก 76 ส.ส.อนาคตใหม่ ที่อาจต้องไร้สังกัด เพียงเพื่อดึงดูดมาเติมเต็มเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำให้ "รัฐบาล ประยุทธ์500" ลอยนวลต่อไป หลังจากปล้นชัยชนะจาก 7 พรรคฝ่ายประชาธิปไตยมาแล้วหนหนึ่งเมื่อครั้งตั้งรัฐบาล
จาก 'ทักษิณ' ถึง 'ยิ่งลักษณ์' จาก คมช. ถึง คสช. จากพรรคไทยรักไทยถึงพรรคพลังประชาชน ความต่ำทรามทางการเมืองกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ถ้าเกิดการยุบพรรคฝ่ายค้านเพื่อสนองรัฐบาลสืบทอดอำนาจโดยปราศจากความเป็นธรรม ซึ่งคนรุ่นใหม่ถอดบทเรียนแล้วว่า ตอบจบจะไม่เหมือนเดิม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง