ทั้งนี้ เซเลนสกีระบุว่าอาวุธดังกล่าวผลิตโดยกระทรวงอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ยูเครน แต่ประธานาธิบดียูเครนไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม
“ระยะการยิงอาวุธตัวใหม่ของยูเครนของเราขณะนี้ มีอยู่ที่ 700 กิโลเมตร ภารกิจคือการทำให้ตัวเลขนี้ไกลได้มากยิ่งขึ้น” เซเลนสกีระบุเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (31 ส.ค.) ในโพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ทั้งนี้ คำกล่าวอ้างของเซเลนสกีถึงอาวุธระยะไกลใหม่ของยูเครน เกิดขึ้นก่อนที่เจ้าหน้าที่รัสเซียจะรายงานในช่วงเช้าวันศุกร์ (1 ก.ย.) ว่าหน่วยป้องกันภัยทางอากาศรัสเซียได้ "กำจัดวัตถุที่ไม่ระบุชื่อ" ในพื้นที่ปัสคอฟทางตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งเป็นภูมิภาคเดียวกับที่มีรายงานว่ายูเครนได้ทำการโจมตีทางอากาศ จนสร้างความเสียหายต่อเครื่องบินขนส่งทางทหาร Il-76 จำนวน 4 ลำ ในช่วงวันพุธ (30 ส.ค.)
ในขณะที่ฝ่ายยูเครนมักไม่ค่อยออกมาแสดงความคิดเห็นโดยตรง เกี่ยวกับเหตุการโจมตีที่เกิดขึ้นในรัสเซียโดยเฉพาะเจาะจง แต่ในคำแถลงเมื่อวันพฤหัสบดีบ่งชี้ว่า เซเลนสกีดูเหมือนจะบอกเป็นนัยถึง 2 ครั้งว่า กองกำลังยูเครนอยู่เบื้องหลังการโจมตีพื้นที่ปัสคอฟของรัสเซีย ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปจากพรมแดนยูเครนทางตอนเหนือ 700 กิโลเมตรพอดี “ผลลัพธ์ของอาวุธของเรา อาวุธใหม่ของยูเครน อยู่ห่างออกไป 700 กิโลเมตร” เซเลนสกีกล่าวในวิดีโอคำแถลงช่วงกลางคืน “และภารกิจคือการทำให้มันไกลขึ้น”
โดยปกติแล้วชาติพันธมิตรตะวันตกของยูเครนมักกล่าวห้าม ไม่ให้ยูเครนใช้อาวุธที่พวกเขาจัดหามาให้ เพื่อโจมตีเหนือดินแดนของรัสเซีย แต่ชาติพันธมิตรตะวันตกยังกล่าวด้วยว่า ยูเครนมีสิทธิ์ที่จะโจมตีเป้าหมายทางทหารของรัสเซียด้วยอาวุธของพวกเขา เมื่อเห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะทำเช่นนั้น
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เกิดการโจมตีด้วยโดรนระลอกความยาว 4 ชั่วโมง ซึ่งทางการรัสเซียกล่าวหาว่ายูเครนอยู่เบื้องหลังการโจมตีในครั้งนั้น ทั้งนี้ โดรนจำนวนดังกล่าวถูกส่งไปยังเป้าหมายใน 6 ภูมิภาคของรัสเซีย ในขณะที่หลายฝ่ายมองว่า เหตุการณ์โจมตีในครั้งนี้เป็นการโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุด ที่เกิดขึ้นในรัสเซียนับตั้งแต่รัสเซียเข้ารุกรานยูเครนเมื่อปีที่แล้ว
ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ยูเครนได้เพิ่มการโจมตีด้วยโดรนต่อเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในรัสเซีย รวมถึงเป้าหมายในกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย และในดินแดนที่รัสเซียควบคุมอยู่ของยูเครน หลังจากเซเลนสกีออกมากล่าวโดยนัยก่อนหน้านี้ว่า สงครามกำลังกลับไปที่รัสเซีย ทั้งนี้ การโจมตีที่เกิดลึกเข้าไปในรัสเซีย และภารกิจก่อวินาศกรรมข้ามพรมแดน นับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของยูเครน ในการรักษาแรงกดดันภายในประเทศต่อรัสเซีย ทั้งทางการทหารและการเมือง ในขณะที่การรุกโต้ตอบของยูเครนที่เริ่มขึ้นในเดือน มิ.ย. ค่อยๆ ลดทอนแนวหน้าของรัสเซียบางส่วนในสนามรบลง
ที่มา: