ไม่พบผลการค้นหา
แม้องค์การอนามัยโลกจะวิจารณ์ว่ามาตรการกีดกันคนจีนเข้าประเทศต่างๆ อาจไม่ได้ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่รัฐบาลหลายประเทศบังคับใช้มาตรการแบนคนจากจีน รวมถึงปิดพรมแดนเชื่อมต่อจีน

สำนักข่าว CGTN ของจีน รายงานยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019-nCoVทั่วโลก อยู่ที่ 362 ราย และผู้ติดเชื้อ 17,238 ราย แบ่งเป็นผู้เสียชีวิตในจีน 361 ราย และที่ฟิลิปปินส์ 1 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนมีทั้งหมด 148 รายใน 22 ประเทศอื่นๆ รวมถึงไทย ส่วนที่เหลืออยู่ในประเทศจีน รวม 17,090 ราย

การพบผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาที่ฟิลิปปินส์ 1 ราย ได้รับการยืนยันเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยผู้เสียชีวิตเป็นชายชาวจีนจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน ต้นทางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว โดยชายคนดังกล่าวเดินทางไปยังฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 21 มกราคม ทำให้ทางการของฟิลิปปินส์สั่งกักตัวผู้เกี่ยวข้องกับชาวจีนที่เสียชีวิตเพื่อรอดูอาการต่อไป

จากกรณีที่เกิดขึ้น ทำให้หลายประเทศยกระดับมาตรการสั่งห้ามผู้เดินทางจากจีนเข้าประเทศ หลังจากสัปดาห์ก่อน สายการบินหลายแห่งทั่วโลกได้สั่งระงับเส้นทางบินไปจีนไปแล้ว โดยล่าสุด รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ประกาศห้ามนักเดินทางจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้าประเทศ โดยระบุว่า มาตรการจะมีผลอย่างน้อย 2 สัปดาห์

ประเทศอื่นๆ ที่ออกมาตรการห้ามนักเดินทางจากจีนเข้าประเทศเช่นกัน ได้แก่ ฟิลิปปินส์ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และเวียดนาม ส่วนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ห้ามนักเดินทางจากมณฑลหูเป่ยของจีนเข้าประเทศ

ขณะที่อินโดนีเซียระงับวีซ่านักท่องเที่ยวให้แก่ชาวจีนจากทั่วประเทศ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของอินโดนีเซียเช่นกัน เพราะมีรายงานว่านักท่องเที่ยวจากจีนยกเลิกห้องในโรงแรมทั่วเกาะบาหลีกว่า 10,000 ราย และรัฐบาลอินโดนีเซียยังไม่ได้ประกาศว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวอย่างไร

ขณะเดียวกัน รัสเซียประกาศปิดพรมแดนฝั่งที่เชื่อมต่อกับประเทศจีน รวมถึงระงับการออกวีซ่าทำงาน และวีซ่าท่องเที่ยวให้แก่ชาวจีนทั่วประเทศ ส่วนอิรักและอิสราเอล ห้ามนักเดินทางจากจีนเข้าประเทศ แต่อนุโลมให้ชาวจีนที่ทำงานอยู่ในประเทศก่อนแล้วอยู่ต่อได้ ซึ่งมาตรการเหล่านี้ถูกวิจารณ์จากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO เช่นกันว่าอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แต่รัฐบาลหลายประเทศก็อาจจะมองว่าป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า

ส่วนความคืบหน้าของรัฐบาลในแต่ละประเทศที่จะอพยพพลเมืองของตัวเองออกจากเมืองอู่ฮั่น วันนี้ (3 กุมภาพันธ์) ออสเตรเลียจะนำพลเมืองราว 300 คนกลับประเทศ และรัฐบาลเมียนมาพานักศึกษาพม่า 59 คน จากจำนวนทั้งหมด 63 คนในอู่ฮั่น ไปถึงเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมาแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) ขณะที่รัฐบาลไทยระบุว่าจะอพยพคนไทยกลับในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 

ไวรัสโคโรนา.png

นอกจากนี้ ประเทศที่กำลังรวบรวมรายชื่อพลเมืองที่ต้องการกลับจากอู่ฮั่น ได้แก่ แคนาดา และปากีสถาน แต่ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อังกฤษ ได้อพยพคนของตัวเองออกจากอู่ฮั่นไปแล้ว


​WHO เตือนคนทั่วโลกอย่าเชื่อข่าวลือเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา

นายแพทย์ เทดรอส อัดฮานอม กีเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก แถลงเตือนประชาชนทั่วโลกอย่าเชื่อข่าวลือที่แพร่ระบาดในสื่อออนไลน์หรือแอปพลิเคชันสื่อสารต่างๆ ที่เกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยระบุว่าให้ติดตามข่าวสารจากรัฐบาลและสำนักข่าวที่มีความน่าเชื่อถือเท่านั้น

นอกจากนี้ บัญชีทวิตเตอร์ขององค์การอนามัยโลกก็ได้รวบรวมคำถามและคำตอบที่เกี่ยวข้องกับข่าวลือมาเผยแพร่เอาไว้ให้ผู้ที่ต้องการข้อมูลที่แท้จริง โดยระบุว่าขณะนี้มีข่าวลือเรื่องการฉีดวัคซีนโรคปอดอักเสบจะช่วยป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ แต่องค์การอนามัยโลกระบุว่า วัคซีนโรคปอดอักเสบป้องกันไวรัสคนละตัวกัน จึงยืนยันว่า การฉีดวัคซีนที่มีอยู่ในท้องตลาดตอนนี้ไม่ได้ช่วยอะไร

WHO ยังยืนยันว่า การล้างมือบ่อยๆ และหลีกเลี่ยงผู้มีอาการไอหรือจาม รวมถึงรับประทานอาหารปรุงสุกและร้อน ยังช่วยป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้มากกว่า นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า การรับประทานกระเทียม หรือการใช้น้ำมันงาทาตัว ไม่ได้มีผลช่วยป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาตามที่มีข่าวลือแพร่ระบาดในโลกออนไลน์แต่อย่างใด และขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขหรือแมวเป็นพาหะของโรค ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก

ส่วนที่ประเทศจีน มีรายงานว่าเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกชนิด H5N1 ในมณฑลหูหนาน ซึ่งอยู่ติดกับมณฑลหูเป่ยที่กำลังมีไวรัสโคโรนาระบาดอยู่ ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในหมู่ประชากรจีนอย่างมาก แต่กระทรวงเกษตรของจีนยืนยันว่า เจ้าหน้าที่กำลังเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิอเพื่อจัดการการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก ควบคู่กับการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: