นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวผ่านรายการลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์ว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ไต้องยอมรับความเป็นจริงว่า การแก้ไขปัญหาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ มี 2 กรณีคือการแก้ไขโดยใช้หลักการแพทย์รวมถึงการจัดการอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการแก้ไขทุกมิติเหมือนอย่างที่ประเทศจีนดำเนินการ ส่วนการบริหารจัดการในประเทศไทยนั้นมีนักท่องเที่ยวจีนยังตกค้างอยู่ในประเทศไทยกว่า 18,000 คน และรัฐบาลไทยก็ไม่ได้ออกมาตรการในการควบคุมพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ยากที่จะผลักดันคนจีนออกจากประเทศไทย เนื่องจากรัฐบาลไม่กล้าดำเนินการ แต่สิ่งที่คนไทยอยากเห็นรัฐบาลดำเนินการคือ การจำกัดพื้นที่ ของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงที่ยังต้องอยู่ในประเทศไทย เพราะล่าสุดมีคนขับรถแท็กซี่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 1 ราย แต่ยังไม่มีคนตาย
ดังนั้นรัฐบาลไทยจะต้องทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวจีน เพื่อสงวนสิทธิในระหว่างการแก้ปัญหาหยุดการลุกลามของไวรัสโคโรนาและขออภัยในการปิดประเทศกับเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน พร้อมยกตัวอย่าง ตอนไข้หวัดนก ยังมีความจำเป็นที่จะต้องฆ่าสัตว์ปีกกว่า 10 ล้านตัว เพื่อจะระงับยับยั้ง กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินการ อย่างเป็นรูปธรรม
นายจตุพรกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสัปดาห์หน้าว่า หากวิเคราะห์การคือฝ่ายค้านล็อกเป้าพรรคพลังประชารัฐเพียงพรรคการเมืองเดียวตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี 2 คน และรัฐมนตรีอีก 3 คน ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ตนมองว่า มีบรรยากาศที่จะอภิปรายไปด้วยความยากลำบาก เพราะมาตรฐานการอภิปรายในประเทศไทยนั้น ถูกสร้างมาตรฐานไว้ในรัฐสภาไทยว่า คนที่เป็นนักการเมือง สามารถดูอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ตั้งแต่เกิด ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ในเวลานั้นนายชวน หลีกภัย ได้สร้างมาตรฐานเอาไว้ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายบรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นจนต้องยุบสภา
ทั้งนี้ตนได้ดูท่วงทำนองของทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ขณะนี้มีปัญหาในแต่ละองค์กรทั้งสิ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ประชาชนจะได้เห็นคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่และรัฐบาลได้ลุกขึ้นมาตอบอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นสิ่งที่อยากเห็นคือ ฝ่ายค้านและรัฐบาลจะต้องทำข้อตกลงกันอย่างชัดเจน เพราะลานประหารอยู่ที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจทางการเมือง แต่เรื่องร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่มีปัญหาเรื่องการกดบัตรแทนกัน ซึ่งในอดีตศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยให้ ร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเป็นโมฆะทั้งฉบับ
ดังนั้นสิ่งที่ตนอยากเห็นก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลคือ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีนี้เช่นเดียวกับร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่งแต่ละคนก็ได้อภิปรายกันมาแล้วฝ่ายค้านก็งดออกเสียงและฝ่ายรัฐบาลก็เห็นชอบ ซึ่งตกลงกันอย่างชัดเจน โดยการโหวตงบฯ ใหม่เพื่อประเทศไทยวันเดียว