นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เข้าร้องทุกข์ที่สำนักงานตำรวจนครบาลทองหล่อ เอาผิดนายโกวิทย์ วงศ์สุรวัฒน์ บิดาจอห์นวิญญู ข้อหาดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญหรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
พร้อมฝากเตือนถึงนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ว่า "ท่านเลขาฯพรรคอนาคตใหม่ คำสั่ง มติ หรือคำพิพากษาศาลถือเป็นอันสิ้นสุด หยุดนิสัย ไม่ดี พูดจาเสียดสี บิดเบือนให้คนเข้าใจผิด เพราะท่านเองก็ใกล้จะถูกดิฉันแจ้งความ"
สำหรับกรณีดังกล่าวเกิดจากนายโกวิทย์ วงศ์สุรวัฒน์ ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ถึงมติของศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้อง 32 ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลถือหุ้นสื่อ ส่วนอีก 9 รายมีมติไม่รับคำร้อง ซึ่งนางสาวปารีณาเป็นหนึ่งในรายชื่อ ศาลรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า "รับคำร้อง 32 ส.ส. ปมหุ้นสื่อ แต่ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่น่าจะเกินกว่าคำว่า"ด้าน"เสียแล้ว"
ทั้งนี้ เว็บไซต์ 'ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน' เคยเผยแพร่บทความชื่อ '10 เรื่องควรรู้ว่าด้วยข้อหาดูหมิ่นศาล' ระบุว่า ข้อหา "ดูหมิ่นศาล" อยู่ในประมวลกฎหมายอาญา ในลักษณะที่ 3 ความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรม หมวดที่ 1 ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ในมาตรา 198 บัญญัติว่า
"ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาคดี หรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
อีกทั้งข้อหา "ดูหมิ่นศาล" มีลักษณะที่มุ่งคุ้มครองสถานะและอำนาจของศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาคดี ข้อหา "ละเมิดอำนาจศาล" มีลักษณะที่มุ่งคุ้มครองกระบวนการพิจารณาคดีให้ดำเนินไปโดยสงบเรียบร้อยและรวดเร็ว หากแต่ในทางปฏิบัติก็ยังมีลักษณะคลุมเครือในการตีความขอบเขตการกระทำที่นับเป็นความผิดในทั้งสองข้อหา
ขณะเดียวกัน คดีดูหมิ่นศาล ถือเป็นคดีอาญา ยังต้องมีกระบวนการร้องทุกข์กล่าวโทษ สอบสวน ฟ้องร้อง และกระบวนการพิจารณาคดีเป็นไปตามขั้นตอนของวิธีพิจารณาความอาญาตามปกติ แต่ความผิดฐานดูหมิ่นศาลถือได้ว่าเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถยอมความกันได้ และยังเปิดโอกาสให้ใครก็ได้ไปแจ้งความกล่าวโทษได้
อ่านเพิ่มเติม