วันที่ 1 มิ.ย. 2564 อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม) เห็นชอบ โครงการคนละครึ่งเฟสที่ 3 ได้รับการกรอบวงเงิน 93,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายในลักษณะเดิม คือรัฐสนับสนุนให้ในอัตราร้อยละ 50 ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน โดยแบ่งเป็น 2 รอบ รอบละ 1,500 บาท ซึ่งในเบื้องต้นจะมีการเติมเงินเข้าไปในแอปพลิเคชันเป๋าตังทุก 3 เดือน เป็นจำนวน 2 เดือน โดยครั้งแรกโอนในเดือน ก.ค.และอีกครั้งในเดือน ต.ค.
ทั้งนี้มีประชาชนเป้าหมาย คือผู้ที่เข้าโครงการคนละครึ่งเฟสแรก 10 ล้านคน และคนละครึ่งเฟส 2 จำนวน 5 ล้านคนซึ่งได้รับสิทธิอัตโนมัติ และในส่วนเฟสใหม่อีก 16 ล้านคน โดยจะเปิดลงทะเบียนให้กับประชาชนในรอบต่อไป ซึ่งกระทรวงการคลัง จะเป็นผู้แจ้งรายละเอียดในการลงทะเบียน ทั้งในส่วนของผู้ลงทะเบียนใหม่ และผู้ประกอบการรายใหม่
นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ กรอบวงเงิน 28,000 ล้านบาท ลักษณะอุดหนุนอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะต้องใช้จ่ายการซื้ออาหาร เครื่องดื่ม หรือสินค้าทั่วไป ซึ่งจะได้ E-Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาท ต่อคน ในการใช้จ่ายไม่เกิน 60,000 บาท ซึ่งมีผู้ได้รับสิทธิ์จำนวน 10 ล้านคน
นอกจากนี้ยังมี โครงการเพิ่มผลผลิตโคเนื้อด้วยเทคโนโลยีจะให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโค สามารถสร้างพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่มีคุณภาพ โดยกรมปศุสัตว์จะย้ายฝากตัวอ่อนให้กับเกษตรกร เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ วงเงิน 75 ล้านบาทของกรมปศุสัตว์
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่มีการทุจริต
ที่ประชุม ครม.เห็นชอบหลักการ ตามที่สำนักงานกฤษฎีกาเสนอ โดยให้ดำเนินคดีอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในการดำเนินแต่ละโครงการอย่างรวดเร็ว และให้ สตช. ดำเนินคดีโดยไม่ชักช้า และรายงานผลความคืบหน้าต่อ ครม.เพื่อทราบทุก 3 เดือน
แจงเหตุ ศบค.สั่งชะลอ กทม.ผ่อนคลาย 5 ประเภท
อนุชา ยังกล่าวถึงกรณี ศบค.สั่งชะลอผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ผ่อนคลายกิจกรรม 5 ประเภทออกไปอีก 14 วันว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในภาพรวมภายในกรุงเทพมหานครปัจจุบันยังคงมีอยู่ เพราะฉะนั้นการที่คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครได้มีการประชุม ซึ่งการประชุมครั้งนั้น ยังไม่ได้มีการนำเสนอมายัง ศบค.ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล การที่คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครมีการประชุมไปและมีมติไป ยังถือว่าไม่มีผล แต่แถลงข่าวในฐานะผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯจะต้องเอาเข้าศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์กรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงทำให้มีการชะลอไว้ก่อน แต่ยังไม่มีผลแต่อย่างใด จึงทำให้ประชาชนเกิดความสับสน
นายกฯ โยนหัวหน้าพรรคร่วมแจง ส.ส.เพิ่มเติมปมถล่มงบฯ สธ.
อนุชา ระบุถึงกรณีการจัดทำ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 โดยเฉพาะงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขว่า ในที่ประชุม ครม. รวมถึงกรณีที่ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงมุมมองของนายกรัฐมนตรี ต่อท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ไม่พอใจการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า ในส่วนของหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะได้ไปชี้แจงในกรณีนี้กับสมาชิกพรรคเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม การประชุม ครม.วันนี้ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิในไทย ก็จะมีการชี้แจงไปยังสมาชิกพรรค ว่างบประมาณที่รัฐบาลจัดสรร โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข อาจมีความเข้าใจผิดในส่วนนี้ เพราะนอกเหนือที่จะต้องดูงบประมาณในรายกระทรวงแล้ว ในส่วนของกระรวงสาธารณสุข จะมีงบในส่วนของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.และงบในสำนักต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุขเอง รวมถึงงบจากงบกลาง และมีงบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงิน เข้ามาสมทบอีก เมื่อรวมกันแล้ว ก็จะทำให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญ ต้อการแก้ปัญหาโควิด -19 พร้อมทั้งชี้แจงตัวเลขให้เห็นว่า งบประมาณในกระทรวงสาธารณสุขนั้น จะอยู่ที่กว่า 153,900 ล้านบาท แต่จะมีงบประมาณที่ตั้งใว้ใน สปสช.และกองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน ทำให้มีงบประมาณรวมแล้วกว่า 293,000 ล้านบาท ดังนั้นหากมองเพียงส่วนเดียว อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
โฆษกรัฐบาล ยังได้ยกตัวอย่าง กรณีที่กระทรวงสาธารณสุขใช้งบกลาง 311 ล้านบาท แก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ในเรือนจำ ซึ่งไม่ได้เป็นการใช้งบกระทรวง เช่นเดียวกับการทำสถานที่กักตัว ให้กับประชาชน ก็มาจากงบประมาณกลาง ตลอดการจัดหาวัคซีนหลาย 10 ล้านโดสช่วงก่อนหน้านี้ก็เป็นการใช้งบประมาณกลาง ไม่ได้ใช้งบประมาณในส่วนของกระทรวง ขณะที่การตรวจคัดกรองให้กับประชาชน ก็เป็นงบประมาณที่มาจากเงินกู้
โฆษกรัฐบาล ยังย้ำว่า อย่ามองว่าใช้งบประมาณจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 เพียงอย่างเดียว แต่อยากให้มองงบประมาณที่จัดสรรอยู่ในทุกๆหน่วยงาน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาโควิด-19 ดังนั้นนายกรัฐมนตรี จึงยืนยันว่า ไม่มีความระหองระแหงเกิดขึ้นในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะการประชุม ครม.วันนี้ มีการหารือเป็นไปด้วยดี ทุกพรรคการเมือง ได้ชี้แจงทำความเข้าใจสมาชิกของแต่ละพรรคเพิ่มเติมแล้ว และนายอนุทินเอง ก็เตรียมที่จะลุกขึ้นชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฏร เพื่อย้ำถึงความเหมาะสมในการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข
อนุชา ย้ำว่า รัฐบาลไม่มีปัญหา และพร้อมเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน สร้างความชัดเจนในทุกเรื่อง เช่น การบริการฉีดวัคซีน การจัดหาวัคซีนหลักและทางเลือก ให้สถานการณ์คลี่คลายลงโดยเร็วที่สุด
ส่วนการเยียวยาผลกระทบนั้น ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ โดยเฉพาะเงินกู้ 500,000 ล้านบาท ที่จะเข้าการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏรนั้น รัฐบาลหวังว่า จะได้รับความร่วมมือจากสมาชิกที่วันนี้ได้อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี มุ่งให้รัฐใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นไปในการแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่ง พ.ร.ก.นี้ ก็มีแผนงานที่ชัดเจน ในการแก้ปัญหาโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข ทั้งเรื่องของการจัดหาเวชภัทฑ์ อุปกรณ์ การดูแลผู้ป่วย การจัดหาวัคซีน และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง