ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี ประณามคนก่อเหตุระเบิดชั่วร้าย ใจดำ ทำประเทศวุ่นวายขณะการประชุมสำคัญ ยันรัฐบาลไม่ทำเพื่อดิสเครดิตตัวเอง พร้อมแสดงความเห็นใจมารดาผู้ต้องสงสัยเหตุระเบิด ขอฟังความ2ฝ่ายทุกอย่างยึดพยานหลักฐานและเป็นไปตามกฎหมาย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนสถานการณ์ระเบิดป่วนกรุง เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2562 ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบ ซึ่งทราบว่ามีการเกี่ยวพันกับหลายคน ส่วนสาเหตุในการวางระเบิดนั้น ยังไม่ทิ้งสาเหตุใดต้องมีการตรวจสอบหลายเหตุการณ์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะในเรื่องภาคใต้คงต้องมีการหารือและสอบสวนกันต่อไป ขอให้ใจเย็นๆ วันนี้ได้ทราบถึงตัวผู้เกี่ยวข้องเป็น 10 คน ที่ต้องติดตามตัวมาสอบสวนต่อไป พร้อมทั้งขออย่ากดดันเจ้าหน้าที่ในการทำงาน 

เพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ในโลกที่ก็มีให้เห็นอยู่ คนเราแตกต่างกันด้านความคิด ตนไม่ได้มุ่งหมายว่าเหตุที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มใด แต่การให้ข่าวช่วงแรกเป็นการเปรียบเทียบเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ยังไม่ตัดประเด็นแรงจูงใจเรื่องใดออกไป เมื่อดูเหตุการณ์ตั้งแต่อดีตจะมีความยึดโยงกัน 

ส่วนกรณีที่แม่ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับตัวแสดงความเป็นห่วงลูกชายนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า แม่ทุกคนห่วงลูกเป็นธรรมดา แต่ก็ต้องตรวจสอบไปตามวัตถุพยานและกล้องซีซีทีวี ซึ่งต้องฟังความทั้ง2 ฝั่ง ส่วนผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิด ได้ให้กระทรวงสาธารณสุขและตำรวจเข้าไปดูแลแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวประณามคนที่ก่อเหตุระเบิดในครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย เพราะถ้าเกิดที่ใดก็ตามก็มีปัญหาหมด โดยเฉพาะเกิดขึ้นในระหว่างที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน คนที่ทำถือว่าใจร้ายใจดำ เป็นคนที่ใช้ไม่ได้ คนพวกนี้ต้องถูกลงโทษ ที่ทำให้ประเทศวุ่นวาย เพราะขณะนี้ประเทศกำลังเดินหน้า โดยรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่าครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการบูรณาการการทำงานด้านการข่าว การพิสูจน์หลักฐาน รวมทั้งการชี้แจงข้อมูลร่วมกัน ซึ่งตนฟังทุกคน และชื่นชมกล้องซีซีทีวีทุกตัว ที่ใช้งานได้ จนทำให้สามารถตรวจสอบหาความเชื่อมโยงได้ไปถึงหลายกลุ่ม และส่วนตัวได้ให้กรอบการทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่าใดนั้นคงไม่กำหนดระยะเวลาทำงาน

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจมีน้อย มีประมาณ 3 แสนคนส่วนประชาชนมี 70 ล้านคน ต้องใช้ความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังเป็นหูเป็นตาและแจ้งเบาะแส ถ่ายรูป และเมื่อรูปนั้นตรงกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการก็จะได้รวดเร็วและเป็นการแบ่งเบาภาระให้ตำรวจด้วย เพราะความปลอดภัยเป็นเรื่องของทุกคน โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวและพื้นที่ธุรกิจรวมถึงพื้นที่ในการประชุมที่สำคัญที่ต้องช่วยกันดูแล

ส่วนที่คนมองว่าการก่อเหตุระเบิดเป็นฝีมือของรัฐบาลเพื่อต้องการกลบกระแสบ้างอย่างนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ฝีมือของรัฐบาล เพราะขณะเกิดเหตุมีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ที่เป็นประเทศมหาอำนาจ ใครจะทำแบบนั้นเว้นแต่เขาทำเพื่อไม่ให้เกิดความน่าเชื่อถือในเวทีต่างประเทศ ขอให้มองมุมนี้บ้าง

อย่ามองแต่ว่ารัฐบาลจะสร้างสถานการณ์ ที่สำคัญไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร หากตนอยู่เฉยๆ ไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่ดีกว่าหรือคิดให้มันมีตรรกกะหน่อย

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ระเบิดป่วนกรุงที่เกิดขึ้นเป็นการท้าทายหรือสร้างความไม่พอใจหลังนายกรัฐมนตรีเข้ามาคุมทหารและตำรวจหรือไม่ว่า ไม่เกี่ยวข้องกันกับความไม่พอใจ เพราะตนได้ให้นโยบายตำรวจ เพื่อให้การให้เกิดความชัดเจนในการสืบสวนและสอบสวนต่อไป พร้อมทั้งฝากเตือนเรื่องการแสดงความคิดเห็นให้ใช้ความระมัดระวังที่จะไม่ให้เกิดความขัดแย้ง หรือการให้ข้อมูลข่าวสารใดๆ ที่ทำให้เข้าใจผิดหรือไม่ชอบพอใจกันเป็นการส่วนตัว

นายกรัฐมนตรี ยังปฎิเสธคำพูดที่ระบุว่าหากอยากให้บ้านเมืองสงบให้เลือกลุงตู่นั้นว่าตนไม่ได้พูด และมองว่าใครจะเลือกใครก็เป็นเรื่องการเมืองไป เพราะที่ผ่านมาตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 

สำหรับการแก้ปัญหาภาคใต้ต้องให้ความสำคัญมากขึ้นกับการพูดคุยสันติสุขหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การพูดคุยต้องใช้ความระมัดระวังอย่างที่สุด พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดต้องไปหารือนอกประเทศ จึงจำเป็นต้องให้เพื่อนบ้านเป็นตัวช่วย และต้องให้เขาหารือกันก่อน เมื่อผลหารือเป็นอย่างไร จึงส่งกลับมาที่รัฐบาล เพื่อพิจารณาให้แต่ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียวแบ่งแยกไม่ได้ พร้อมทั้งมองว่าสิ่งใดรับได้ก็จะทำ ซึ่งการแก้ไขปัญหาภาคใต้ที่ผ่านมาได้ทำมาหลายเรื่อง ทั้งในเรื่องกฎหมาย การพัฒนาและการพาคนกลับบ้าน เรื่องทั้งหมดต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตามขณะนี้กำลังพิจารณาเพื่อหาคนมาทำหน้าหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข แทนพล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ อดีตหัวหน้าคณะพูดคุย ที่ไปดำรงตำแหน่งเป็น ส.ว.แล้ว โดยขอให้ทุกคนใจเย็นๆ ทั้งนี้ในฐานะที่ตนเองเป็น ผอ.รมน.ได้สั่งการให้ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้าย (ศตก.) เข้ามาร่วมดูสถานการณ์ภายในประเทศ รวมถึงดูแลเรื่องการข่าวที่ต้องประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน ต้องขอความร่วมมือให้มากกว่าเดิมในการเข้าออกจองประชาชนตามแนวชายแดน


รัฐบาลคุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัย

ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว ซึ่งตั้งแต่ที่เกิดเหตุ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ติดตามสถานการณ์และสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ด้วยความเป็นห่วงต่อสวัสดิภาพของพี่น้องประชาชนทุกคน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการมายัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้เร่งพิสูจน์ทราบและจับกุมคนร้ายที่พยายามสร้างสถานการณ์ มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว พร้อมขยายผลผู้ที่อยู่เบื้องหลังหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้น พร้อมกันนี้ ท่านนายกฯ ยังได้กำชับมายัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มาโดยตลอด ให้ทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพยึดหลักกฎหมายระเบียบข้อบังคับสามารถตรวจสอบได้และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ถึงแม้ว่าสถานการณ์เยู่ภายใต้การควบคุมหมดแล้ว แต่มาตรการการรักษาความปลอดภัยยังมิได้ลดลง เพื่อเป็นการเฝ้าระวังความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น ท่านนายกฯ ได้กำชับขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตาเพื่อช่วยกันเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัย จากลักษณะที่พบจากกล้องวงจรปิด จะเห็นว่ามีการสวมใส่หน้ากากคนป่วยเพื่ออำพราง แต่อาจจะไม่ได้ป่วยจริง สวมแว่นดำ หรือหมวกเพื่อปกปิดใบหน้า หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากประชาชนคนไทยร่วมมือร่วมใจกัน สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว



ข่าวที่เกี่ยวข้อง :