ไม่พบผลการค้นหา
‘ชัยธวัช’ อภิปราย ‘ก้าวไกล’ โหวตไม่เห็นชอบ ‘เศรษฐา’ ซัดรัฐบาลข้ามขั้วสยบยอม ประชาชนเสียศรัทธา-ความหวัง ทำลายความหวัง เลือกตั้งพอเป็นพิธี แต่ขออย่าสิ้นหวังกับการเมือง ช่วยคนละไม้คนละมือเปลี่ยนให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน

วันที่ 22 ส.ค. ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) วาระพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงอภิปรายเพื่อแสดงความเห็นต่อคุณสมบัติของ เศรษฐา ทวีสิน ผู้ได้รับการเสนอชื่อผู้สมควรได้รับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ชัยธวัช ตุลาธน สส.แบบบัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นกล่าวอภิปราย 

ชัยธวัช ระบุว่า ผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล ไม่สามารถที่จะเห็นชอบ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยได้ เหตุผลไม่ใช่เป็นเพราะเราไม่รู้จัก หรือไม่มีข้อมูลของสมาชิกบางท่านได้อภิปรายซักถาม เพราะเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าพี่น้องประชาชนได้รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วนแล้วตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้ง และตนก็หวังว่าสมาชิกรัฐสภาของพวกเราทุกคน ก็ควรจะให้ความสำคัญตามข่าวสารบ้านเมืองในการเลือกตั้ง

เหตุผลที่ผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลไม่สามารถที่จะเห็นชอบได้ในวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องคุณสมบัติของอย่างที่มีการกล่าวหากัน แต่เพราะเราเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นอยู่ขณะนี้ เป็นการจัดตั้งรัฐบาลที่ขัดต่อเจตจำนงของพี่น้องประชาชน ที่ได้แสดงออกไปแล้วในวันที่ 14 พ.ค. 2566 ว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการยุติรัฐบาลและระบบการเมืองที่สืบทอดอำนาจมาจากรัฐประหารของ คสช.

“พวกเราพรรคก้าวไกลยังเห็นด้วยว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่การพยายามที่จะสลายขั้วความขัดแย้ง เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อ แต่คือการต่อลมหายใจให้กับระบบการเมืองที่ระบบคสช. วางไว้และดำเนินการสืบไป” 

ชัยธวัช กล่าวว่า หลายคนบอกว่าการจัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ เป็นความจำเป็นทางการเมืองที่หลีกเลี่ยงไม่ได้พรรคการเมืองและนักการเมืองจำเป็นจะต้องกลืนเลือด จำเป็นต้องจ่ายต้นทุนทางการเมืองมหาศาลโดยมีวาระประชาชน วาระของประเทศเป็นตัวตั้ง แล้วอะไรคือราคาอะไรคือต้นทุนที่ประชาชนและสังคมไทยจะต้องจ่ายบ้าง ให้แก่การจัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษที่เป็นอยู่ในขณะนี้

ราคาที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องจ่ายคือความหวัง การเลือกตั้งที่ผ่านมาเคยเป็นวันแห่งความหวังของประชาชน พวกเขาหวังว่าเสียงของพวกเขาจะทำให้การเมืองไทยออกจากระบบที่เป็นที่เป็นมรดกของคณะรัฐประหารได้ในที่สุดโดยสันติ พวกเขาหวังว่าเสียงของพวกเขาจะทำให้การเมืองของไทยเดินหน้าไปสู่อนาคต ไม่ใช่เดินวนกลับไปสู่อดีตอย่างที่พวกเขารับรู้กันอยู่ในขณะนี้

ประการที่สอง ราคาที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องจ่ายให้กับการจัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษในขณะนี้ พี่น้องประชาชนเคยเชื่อจริงๆว่า ประชาธิปไตยอำนาจสูงสุดนั้นคืออำนาจของประชาชน แต่เมื่อพวกเขาไปใช้อำนาจเลือกตั้ง ปรากฏว่าการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะกลับกลายเป็นการจัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษ ที่อนุญาตให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงในการเลือกตั้งได้พอเป็นพิธี แต่จะไม่มีวันยอมให้อำนาจเป็นของประชาชนจริงๆ นั่นคือราคาที่พี่น้องประชาชนต้องจ่าย ตอนนี้กลายเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีประชาชนไม่ใช่ เจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง

ประการที่สามคือ ความศรัทธา การจัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษกำลังกำลังทำให้พวกเราสูญเสียต้นทุนทางสังคม ที่สำคัญคือความศรัทธาของประชาชน ความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนเป็นพื้นฐานสำคัญในระบอบประชาธิปไตย และเมื่อไหร่ที่ประชาชนหมดศรัทธาต่อระบบการเมืองหรือสถาบันทางการเมืองใดๆแล้ว ย่อมเป็นอันตราย

“ผมอยากจะฝากความหวังดีผ่านไปยังท่านสมาชิกรัฐสภาทุกท่าน ว่าหัวใจของปัญหาความขัดแย้งในทางการเมืองในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาคือการคือการปะทะขัดแย้งกันระหว่างอำนาจของประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง กับอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน” ชัยธวัช กล่าว

ชัยธวัช ย้ำว่า จนถึงวันนี้เรายังเรายังหาทางออกจากการเมืองนี้ไม่ได้ เราเห็นว่าทางออกจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อนี้ ไม่ใช่ไม่ใช่การสลายขั้วความขัดแย้งอย่างผิวเผิน โดยการจัดตั้งรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้ว แต่ทางออกที่พวกเราต้องช่วยกันแสวงหาคือระบบการเมืองที่จะกลายเป็นฉันทามติใหม่ โดยวางอยู่บนหลักการพื้นฐานสำคัญที่ว่าอำนาจสูงสุดต้องเป็นของประชาชน

“แล้วเมื่อไหร่ที่เรายังสยบยอม หรือต่อลมหายใจให้กับระบบที่เราเรียกกันว่าประชาธิปไตยแต่ตอบไม่ได้ว่าประชาชนอยู่ไหน เราจะไม่มีวันสลายความขัดแย้งได้ ประชาชนจะสูญสิ้นความศรัทธาในที่สุด และส่งผลถึงความขัดแย้งรุนแรงในอนาคต” ชัยธวัช กล่าว

“ทราบดีว่าพี่น้องประชาชนกำลังผิดหวังกำลังโกรธ หรือกำลังคับข้องใจกับการเมืองที่เกิดขึ้น แต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา สะท้อนแล้วว่าสังคมสังคมไทยได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่มันยังเปลี่ยนไม่มากพอ ดังนั้น แม้ว่าท่านจะไม่พอใจ ท่านจะผิดหวัง ท่านจะคับข้องใจ แต่ขออย่าให้แต่อย่าหันหลังให้การเมือง เราต้องช่วยกัน คนละไม้คนละมือ เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้ได้ ทำให้การเมืองระบบประชาธิปไตยของเราเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ทำให้อำนาจสูงสุดในประเทศนี้เป็นของประชาชนจริงๆ” ชัยธวัช ระบุ