ไม่พบผลการค้นหา
ทางการแคนาดาออกคำแนะนำในการดื่มสุราฉบับใหม่ โดยระบุว่าการปลอดความเสี่ยงจากผลลัพธ์ของการดื่มสุราคือการไม่ดื่มสุราเลยจะดีที่สุด แต่อย่างไรก็ดี หากประชาชนผู้ใดไม่สามารถอดใจจากการไม่ดื่มสุราได้ รัฐบาลแคนาดาระบุว่า การดื่มสุราเพียงแค่ 2 แก้วต่อสัปดาห์นั้นจะเป็นทางเลือกที่เสี่ยงน้อยที่สุดต่อสุขภาพ

คำแนะนำใหม่ฉบับนี้ของรัฐบาลแคนาดา ออกมาเพื่อเปลี่ยนคำแนะนำเดิมที่เคยได้รับการเผยแพร่ไปเมื่อปี 2554 โดยคำแนะนำฉบับเดิมของแคนาดาระบุว่า ผู้หญิงสามารถดื่มสุราได้มากที่สุดเพียง 10 แก้วต่อสัปดาห์ และผู้ชายสามารถดื่มได้มากที่สุดเพียงแค่ 15 แก้วต่อสัปดาห์

รายงานฉบับใหม่นี้ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากเฮลธ์แคนาดา องค์กรด้านสุขภาพของรัฐบาลแคนาดา ยังแนะนำให้มีการติดฉลากคำเตือนที่จำเป็นสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมด “ใจความหลักจากแนวทางใหม่นี้คือ การดื่มแอลกอฮอล์ในทุกปริมาณนั้นไม่ดีต่อสุขภาพของคุณ และถ้าคุณดื่มน้อยลงมันย่อมจะดีกว่า” อีริน โฮบิน นักวิทยาศาสตร์อาวุโสจากสาธารณสุขมวลชนออนแทริโอ และสมาชิกคณะผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาแนวทางดังกล่าวระบุ

จากรายงานความยาวเกือบ 90 หน้าของศูนย์การใช้สารเสพติดและการติดยาเสพติดของแคนาดา (CCSA) ให้รายละเอียดเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสุขภาพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เคยถือว่าเกิดขึ้นจากการบริโภคแอลกอฮอล์ในปริมาณที่ต่ำ โดยจากรายงานของ CCSA ระบุว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาตรฐานใดๆ ที่มีปริมาณมากกว่า 2 แก้ว โดยแต่ละแก้วเทียบเท่ากับการเสิร์ฟเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ 5% ปริมาตร 12 ออนซ์ หรือไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ 12% ปริมาตร 5 ออนซ์จำนวน 1 แก้ว จะนำมาซึ่งผลลัพธ์เชิงลบที่เพิ่มขึ้น รวมถึงโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่

คำแนะนำแนวทางใหม่ในการดื่มอาจทำให้ประชากรผู้ใหญ่ในแคนาดาตกอกตกใจได้ เนื่องจากมีผลสำรวจชี้ว่า ประชากรผู้ใหญ่จำนวนกว่า 80% ดื่มแอลกอฮอล์ “แนวทางใหม่อาจจะน่าตกใจเล็กน้อย” โฮบินกล่าว “ดิฉันคิดว่ามันเป็นข้อมูลที่ใหม่มากต่อสาธารณะที่ว่า การดื่มเครื่องดื่มมาตรฐานจำนวน 3 แก้วต่อสัปดาห์ นำมาซึ่งความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่ศีรษะและคอที่เพิ่มขึ้นกว่า 15% และจะเพิ่มขึ้นไปอีกตามจำนวนการดื่มที่เพิ่มขึ้น”

“การดื่มเครื่องดื่มมาตรฐานจำนวน 3 แก้วต่อสัปดาห์ในส่วนใหญ่ของประชากรผู้ใหญ่แคนาดาไม่ได้ถูกมองว่าเป็นแอลกอลฮอล์ในปริมาณที่มาก” โฮบินกล่าวเสริม อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญในแคนาดาระบุว่า การเปลี่ยนแนวทางแนะนำการดื่มใหม่ของแคนาดาอย่างพลิกฝ่ามือนี้ จากการดื่มได้เกือบ 2 แก้วต่อวัน เหลือเพียงแค่ 2 แก้วต่อสัปดาห์ เป็นผลลัพธ์มาจากการวิจัยที่ทำได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

เจคอบ เชลลี่ ศาสตราจารย์ด้านสุขภาพและกฎหมายของมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นกล่าวว่า “ข้อมูลทั่วทั้งกระดานมีการปรับปรุงในแง่ของวิธีการและสิ่งที่เรากำลังวัดผลอยู่” ทั้งนี้ คำแนะนำใหม่นี้ทำให้แคนาดาก้าวล้ำนำหน้าชาติตะวันตกอื่นๆ โดยคำแนะนำระดับชาติของออสเตรเลียซึ่งเผยแพร่ในปี 2563 แนะนำให้ประชาชนสามารถดื่มเครื่องดื่มมาตรฐานสูงสุดได้ที่ 10 แก้วต่อสัปดาห์ ในขณะที่ฝรั่งเศสมีการแนะนำแนวทางดังกล่าวไปในทางเดียวกัน

ทั้งนี้ สหรัฐฯ แนะนำให้ประชาชนผู้ชายดื่มได้ไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน และผู้หญิงในปริมาณ 1 แก้วต่อวัน ในขณะที่สหราชอาณาจักรแนะนำให้ประชาชนดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่เกิน 14 “หน่วย” หรือไวน์ประมาณ 6 แก้วหรือเบียร์ประมาณ 6 แก้วต่อสัปดาห์เช่นกัน อย่างไรก็ดี แนวทางใหม่ของแคนาดาไม่ได้ผิดปกติไปจากชาติอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง เพราะในปี 2558 คณะกรรมการสุขภาพของเนเธอร์แลนด์แนะนำให้ประชาชนงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยสิ้นเชิง หรือดื่มไม่เกิน 1 แก้วเครื่องดื่มมาตรฐานในแต่ละวัน

ยังคงเป็นคำถามเปิดอยู่ว่าชาวแคนาดาซึ่งรักเบียร์พอๆ กับรักกีฬาฮ็อกกี้ จะถูกโน้มน้าวให้ดื่มน้อยลงเพราะคำแนะนำนี้หรือไม่ โดยจากการสำรวจยาเสพติดทั่วโลก ในหัวข้อด้านความถี่ในการดื่มนั้น ประชาชนแคนาดาไม่ได้อยู่ใน 10 อันดับแรกของประเทศทั่วโลกที่ดื่มหนัก ซึ่งนับว่าแคนาดาเองมีค่าเฉลี่ยการดื่มต่ำกว่าทั่วโลก แต่เมื่อวัดจาก “ความรู้สึกเมา” ผลสำรวจพบว่าชาวแคนาดาอยู่ในอันดับที่พุ่งขึ้นสู่ที่ 6 ตามหลังสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร

“เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นส่วนหนึ่งอันสำคัญของวัฒนธรรมของเราในแคนาดา มันเป็นที่ยอมรับของสังคม คุณจะเห็นแอลกอฮอล์ได้ในวันเกิด งานแต่งงาน หรือเมื่อคุณดูคืนการแข่งกีฬาฮ็อกกี้ในแคนาดาช่วงค่ำวันเสาร์” โฮบินกล่าวโดยอ้างถึงรายการกีฬายอดนิยมประจำสัปดาห์ ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ของ CCSA และผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ กล่าวว่า การบังคับติดฉลากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมดพร้อมคำเตือนด้านสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันถือเป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปสำหรับบุหรี่ เป็นขั้นตอนแรกที่จำเป็นต่อการแนะนำการลดการดื่มแอลกอฮอล์ในประชาชนได้

ในปี 2560 หนึ่งในการทดลองในชีวิตจริงจนถึงปัจจุบันเกี่ยวกับฉลากเตือนมะเร็ง ที่จะนำมาใช้ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น โฮบินศึกษาผลกระทบของคำเตือนดังกล่าวที่ร้านขายสุราในไวท์ฮอร์ส เมืองหลวงของยูคอน พบว่า การติดฉลากคำเตือนบนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ยอดขายแอลกอฮอล์ต่อหัวลดลง 7% เมื่อเทียบกับพื้นที่ควบคุมในยูคอนและดินแดนในตะวันออกเฉียงเหนือของแคนาดา ถึงกระนั้นการบังคับใช้การติดฉลากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วประเทศจะต้องได้รับการอนุมัติจากเฮลธ์แคนาดาเท่านั้น

ในแถลงการณ์ของเฮลธ์แคนาดาต่อสำนักข่าว BBC เฮลธ์แคนาดาได้กล่าวขอบคุณ CCSA จากผลวิจัยรายงานซึ่งถูกออกมาเป็นแนวทางในการดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ของประเทศ โดยระบุว่า การดื่มแอลกอฮอล์ในปัจจุบันนี้นำมาซึ่ง “ปัญหาด้านสาธารณสุขและความปลอดภัยที่ร้ายแรงและซับซ้อน” แต่เฮลธ์แคนาดาจะไม่ขอแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับการเพิ่มคำเตือนด้านสุขภาพลงบนฉลากเครื่องดื่มของชาวแคนาดา


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-64311705?fbclid=IwAR3do-4G9CUn5PExOrNDhO81Un1ENdt1O0RpjTafA06DsMCYd0avDc9U1LY