พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ว่า ตนได้เตรียมการไว้แล้ว ซึ่งยังพอมีเวลาอยู่ เบื้องต้นได้มีการลิสต์รายชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง ส.ว. ทั้ง 194 ไว้แล้ว ซึ่งนำมาจากหลายที่ ส่วนจะตอบรับหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่อง ซึ่งจะต้องส่งหนังสือ เพื่อให้ตอบรับตามหลักกติกาที่ชัดเจน ซึ่งบุคคลนั้น อาจจะไม่ตอบรับก็ได้ เพราะส่วนใหญ่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาส่วนตัว ถูกยกเลิกสิทธิประโยชน์ส่วนตัวบางอย่าง ร่วมถึง การเป็นคณะกรรมการต่างๆ จะต้องยกเลิกทั้งหมด
ทั้งนี้ ยังไม่ได้ทาบทามบุคคลใด เพียงแต่เตรียมรายชื่อไว้เท่านั้น ดังนั้น คสช. จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
ส่วนจะป้องกันคำครหา จากพรรคการเมืองอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี มองว่า พรรคการเมือง มีครหาได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนทำตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ และทุกคนก็เห็นว่าตนทำอะไรไปแล้วบ้าง จึงขอให้เชื่อมั่นในตนบ้าง และไม่ว่าจะตั้งคณะกรรมการกี่ชุดก็ตาม ก็โดนคำครหากลับมาอยู่ดี ซึ่งการทำงานต่างๆ ย่อมมีทั้งดีและไม่ดี หรือทำสำเร็จและไม่สำเร็จ แต่สิ่งไหนที่มากกว่ากัน ดังนั้นจะต้องให้กำลังใจให้เขาทำงานต่อไป เพื่อให้คนที่เข้ามาทำงานได้รับความชื่นชม ไม่ใช่เข้ามาก็โดนเล่นงาน แล้วแบบนี้ใครจะอยากเข้ามาทำงาน และจะได้คนดีดีเข้ามาทำงานหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง รัฐบาลหรือ ส.ว. ก็ตาม ไม่มีใครอยากจะเป็นกัน
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า การทำงาน 4-5 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะนำคนเข้ามาทำงานกับคสช. เพราะหลายคนมีปัญหาส่วนตัว เนื่องด้วยกติกาต่างๆ ทำให้เสียสิทธิ์ไปมากมาย แต่ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะมา แต่ยืนยันว่า ไม่ท้อและไม่เบื่อ
หลายพรรคการเมืองในขณะนี้ โจมตีตนในเรื่องต่างๆ เพราะส่วนใหญ่พูดแต่เรื่องไม่จริง และจะไปสนใจทำไม ซึ่งหลายวันมานี้ตนพยายามอารมณ์ดีขึ้นมาเยอะ ต่างจากเมื่อก่อนที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวบ้าง ไม่ใช่ว่าต้องการเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นนักการเมือง มันทรมานตัวเองมากกว่า ซึ่งตนพยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุด ดีกว่ามาคิดตอบโต้ในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งการเมืองไทยเป็นแบบนี้มาโดยตลอด จึงทำให้คนไม่อยากเข้ามา
ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายมองว่า ส.ว. 250 คน จะเป็นต้นทุนในการสนับสนุนให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็รู้อยู่แล้วว่าส.ว.เป็นอย่างไร เลือกตั้งเข้ามาก็รู้ว่าเป็นเครือข่ายของพรรคการเมือง และนักการเมือง ไม่ใช่ว่าตนและ ส.ว.ทั้งหมดจะเป็นเครือข่ายของตนได้เสมอไป ซึ่งหากมอง พ.ร.บ. ในสภาก็ออกยาก ถ้าตนมีอำนาจสั่งเขาจริง ก็ออกได้แล้ว แปปเดียวก็เสร็จ 3 วาระ
ขณะที่ กฎหมายที่มีความขัดแย้งสูง จึงต้องทำความเข้าใจกันต่อไป ว่าสิ่งใดเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดี ขณะนี้ไม่มีใครต้องการความเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น นี่คือความอันตรายของประเทศไทย หากจะเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือคงเป็นไปไม่ได้ สำหรับประเทศไทยมีความขัดแย้งกันสูง
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การเลือกนายกรัฐมนตรี จะต้องเสนอมาจากพรรคการเมือง ซึ่ง ส.ส. และส.ว.จะต้องพิจารณาร่วมกันเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจเพียงเท่านี้ ไม่ใช่ให้ส.ว. พิจารณาเพียงฝ่ายเดียว แม้ว่าส.ว. จะได้รับการแต่งตั้งมาจากคสช. ก็ตาม แต่ก็ไม่ควรไปดูถูก ส.ว.ทั้ง 250 คน ว่าไม่มีสมอง หรือไม่รักประเทศ เชื่อว่าทุกคนก็รักประเทศชาติกันทั้งหมด อย่าห่วงประเทศชาติและประชาธิปไตย เพียงนักการเมืองหรือพรรคการเมือง ตนขอแค่นี้ แหละ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการแช่งให้ตกเครื่องบิน หลังจากที่เมื่อวานนี้ ที่เดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดกระบี่ ว่า "แช่งไปเถอะ ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว ตนไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว เพราะตนห้อยพระ"
นายกฯ รับมอบโบราณวัตถุ 104 รายการ
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (22 ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในพิธีรับมอบโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุเพื่อเป็นสมบัติของชาติ จากนายธรรมฤทธิ์ จิรา ผู้ครอบครองโบราณวัตถุศิลปวัตถุจำนวน 104 รายการ โดยกล่าวสั้นๆ ว่า เหนื่อยกับการลงพื้นที่เกาะสมุย และ กระบี่ วานนี้ (21 ก.พ.)
โดยนายกรัฐมนตรี ระบุ โบราณวัตถุเป็นสิ่งสำคัญของคนไทยทั้งประเทศ ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจที่เป็นหนึ่งเดียวของบรรพบุรุษที่รักษาแผ่นดินนี้ไว้ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่สำคัญกว่าวัตถุต้องมีหัวใจเดียวกัน ต้องสำนึกถึงชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ ว่าทำอะไรให้คนไทย ดังนั้นคนไทยต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพราะถ้าไม่รู้ก็จะไม่เกิดแรงศรัทธา และคนไทยทุกคนควรจะสำนึกว่ามีรากเหง้า ความเป็นมาอย่างไร ต้องไม่ให้ร้ายประเทศของเราเอง พร้อมย้ำถ้าไม่รู้ประวัติศาสตร์ ความเป็นมา ก็จะไม่รู้ว่าเรามาจากไหน จะไม่เกิดความรักประเทศไทย จึงขอฝากสังคมเรียนรู้ในประเด็นเหล่านี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม พิธีรับมอบโบราณวัตถุศิลปวัตถุเพื่อเป็นสมบัติของชาติ จากนายธรรมฤทธิ์ จิรา ผู้ครอบครองโบราณวัตถุศิลปวัตถุจำนวน 104 รายการ เพื่อเป็นสมบัติของชาติในความดูแลของกรมศิลปากร โดยมีนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วมในพิธีด้วย