ไม่พบผลการค้นหา
ปตท.จับมือ 9 ธนาคารลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม พัฒนาผลักดันระบบการเงิน ครอบคลุมระบบประกันภัย อนุพันธ์ทางการเงิน ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ ระยะเวลา 2 ปี แบงก์หวังใช้โครงข่ายธุรกิจ ปตท. ต่อยอดข้อมูลสร้างนวัตกรรม คาดเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วยลดต้นทุน หวังบริการดี ดอกเบี้ยไม่แพง

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การจัดทำบันทึกข้อตกลงระหว่าง ปตท.กับ 9 ธนาคารในวันนี้ (28 พ.ค.) เป็นการส่งเสริมผลักดันนวัตกรรมทางการเงิน ประกันภัย อิเล็กทรอนิกส์ อนุพันธ์ต่างๆ เพื่อสร้างแนวทางพัฒนาต่อยอดกับคู่ค้าของ ปตท. ในการใช้นวัตกรรมการเงิน

ปตท..jpg

ขณะที่ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก การร่วมมือของ ปตท.กับ 9 ธนาคารในครั้งนี้ เป็นการทำงานของทีมไทยแลนด์ และในฐานะที่ ปตท. เป็นหน่วยธุรกิจที่มี used case หรือ กรณีศึกษาหลากหลายจากธุรกิจของคู่ค้า ดีลเลอร์ (ปั๊มน้ำมัน) จึงน่าจะทำให้เป็นประโยชน์สำหรับการเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ ปรับปรุง ต่อยอดพัฒนานวัตกรรม และพัฒนาบริการสำหรับผู้บริโภค 


"วันนี้ กระแสเทคโนโลยีปั่นป่วน หรือ disruptive สร้างผลกระทบกับธุรกิจทั้งในระยะสั้น กลาง ยาว และการทำธุรกรรมบนโทรศัพท์มือถือก็เกิดขึ้นเร็วมาก เรารู้ว่า ลูกค้าเราคือใคร อยู่ตรงไหน ต้องการอะไร ประสบปัญหาอย่างไร ขณะที่ ธนาคารมีเทคโนโลยี มีความเข้าใจด้านกฎระเบียบ ดังนั้นเราจะนำ 2 สิ่งนี้มาผนวกกัน เพื่อสร้างบริการที่ดี ในต้นทุนที่ถูกลงได้" นายชาญศิลป์กล่าว


ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดังกล่าว มีระยะเวลา 2 ปี โดย ปตท. ร่วมกับ 9 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารทหารไทย, ธนาคารธนชาต, ธนาคารยูโอบี และธนาคารออมสิน เพื่อกำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินงานในการส่งเสริมและผลักดันการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินของทั้ง 2 ฝ่าย 

รวมถึงผลักดันปรับปรุงและพัฒนาระบบทางการเงิน เช่น ระบบประกันภัย อนุพันธ์ทางการเงิน ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ การทำธุรกรรมทางการเงิน การปรับปรุง กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในทางธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงาน อันจะนำไปสู่การได้รับการสนับสนุนเกื้อกูลจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนร่วมกันชักชวนคู่ค้าที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ตลอดจนการชวนคู่ค้าที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน เพื่อต่อยอดและขยายการดำเนินงานในเชิงพาณิชย์

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ จะนำไปสู่การสร้างธุรกิจในกลุ่มซัพพลาย เชน ซึ่งเป็นโครงข่ายธุรกิจระหว่าง ปตท. กับลูกค้าของแบงก์ต่างๆ อีกทั้ง ในห่วงโซ่อุปทานของ ปตท. ปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นธุรกิจเอสเอ็มอีรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีได้คล่องแคล่ว ดังนั้นความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นต่อยอดนวัตกรรมการเงิน การบริหารจัดการธุรกิจ และการทำธุรกิจให้สะดวกขึ้น เกื้อกูลเศรษฐกิจไทย


"การทำธุรกิจปัจจุบัน การเข้าใจเรื่อง ซัพพลาย เชน หรือห่วงโซ่อุปทานเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น ในฐานะที่ ปตท. มีซัพพลาย เชน ขนาดใหญ่ ความร่วมมือนี้จะทำให้แบงก์แทนที่จะไปเคาะประตูคู่ค้าแต่ละรายของ ปตท ก็สามารถใช้ข้อมูลโครงข่ายนี้ เพื่อนำข้อมูลต่างๆ ไปวิเคราะห์ และด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันก็จะทำให้ต้นทุนการวิเคราะห์สินเชื่อลดลง ส่งผลให้ต้นทุนผู้ประกอบการถูกลงได้" นายปิติ กล่าว


ข่าวเกี่ยวข้อง :