ไม่พบผลการค้นหา
ตลาดหุ้นไทยไต่ลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ของสัปดาห์ ปิดตลาดที่ระดับ 1,639.54 จุด ลดลง 40.14 จุด เหตุต่างชาติเทขายต่อเนื่อง ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ยืนยันหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ มั่นใจหุ้นไทยยังแกร่ง

ความเคลื่อนไหวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 19 มิ.ย. ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,639.54 จุด ลดลง 40.14 จุด หรือติดลบร้อยละ 2.39 มูลค่าการซื้อขาย 84,628.60 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,623.80 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ (prop trade) ขายสุทธิ 4,809.40 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 2,644.32 ล้านบาท ขณะที่ นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 9,077.52 ล้านบาท 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ 

  • บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มูลค่าการซื้อขาย 8,304.41 ล้านบาท ปิดที่ 47.75 บาท ลดลง 1.25 บาท
  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT มูลค่าการซื้อขาย 4,418.40 ล้านบาท ปิดที่  65.00 บาท ลดลง 1.75 บาท
  • บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,663.50 ล้านบาท ปิดที่ 76.50 บาท ลดลง 2.00 บาท      
  • บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,231.93 ล้านบาท ปิดที่ 125.50 บาท ลดลง 4.50 บาท 
  • บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC มูลค่าการซื้อขาย 2,792.59 ล้านบาท ปิดที่ 410.00 บาท ลดลง 12.00 บาท

ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยเป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ จากความกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงนโยบายการอัดฉีดเงินของแต่ละประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงทำให้นักลงทุนทั่วโลกอยู่ในสถานะของการปรับพอร์ต

ทำให้ภาวะตลาดหุ้นปัจจุบัน มีนักลงทุนต่างชาติอยู่ในสถานการณ์ปรับพอร์ตการลงทุน และเทขายตลาดหุ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่งทำให้หุ้นตลาดเกิดใหม่ปรับตัวลดลงในหลายประเทศ และภาวะการณ์นี้ยังไม่สามารถจะบอกได้ว่าจะหยุดเมื่อไหร่ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นไทยเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุนในระยะสั้น

สำหรับการเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย เป็นลักษณะของการล็อกกำไร หลังจากตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้นมา 2-3 ปี แม้ต่างชาติจะเทขายอย่างต่อเนื่อง แต่ยังพบว่าสถานะการถือครองของนักลงทุนต่างชาติอยู่ที่ร้อยละ 31.7 

มาร์เก็ตแคปฯ ลดลงจากต้นปี 1 ล้านล้านบาท-เงินบาทอ่อนค่ามากสุดรอบ 6 เดือน

ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดจากต้นปีถึงปัจจุบันปรับตัวลดลงในระดับ 1 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกันนักลงทุนสถาบันในประเทศก็ยังเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง หากประเมินจากคุณภาพของประเทศการเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ จีดีพีของประเทศไทยในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.2 -4.7 ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1 การลงทุนขยายตัวร้อยละ 3.4 การบริโภคขยายตัวร้อยละ 3.6 ส่งออกขยายตัวได้ร้อยละ 4.9 ซึ่งปัจจัยการเติบโตในประเทศยังยืนยันความแข็งแกร่ง

โดยความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยมักจะมีลักษณะการฟื้นตัวได้ในเวลาไม่นาน หากสถานการณ์มีความชัดเจน เมื่อพิจารณาจากสถิติในอดีต เช่น เหตุการณ์แยกราชประสงค์ ใช้เวลาการปรับตัว 2 เดือน การปิดสนามบินสามารถฟื้นตัวได้ใน 2-3เดือน น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 สามารถฟื้นตัวได้ใน 6 เดือน ปัญหาหนี้สินของจีนฟื้นตัวได้ 10 เดือน วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ 10 เดือน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (19 มิ.ย.) ค่าเงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 32.80/84 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอ่อนค่าจากช่วงเช้า และยังคงเป็นการปรับตัวอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง เหตุจากเงินลงทุนต่างชาติไหลออกจากหุ้นไทย โดยวันนี้เงินบาทอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2560 ในขณะที่เงินยูโร และเงินปอนด์ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :