พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดยาว ปีใหม่นี้ไม่ได้ไปไหน อาจไปเล่นกอล์ฟใกล้ๆ หรือ ทานข้าวกับครอบครัว และได้บอกกับทุกคนว่าไม่ต้องมาอวยพร หรือ มอบของขวัญให้ แต่ขอให้กลับไปดูแล และ อวยพรลูกน้อง หรือ คนที่รักดีกว่า เพราะไม่ต้องการให้เป็นภาระ เพียงแค่ส่งบัตรอวยพร ส่งความปรารถนาดีให้กันก็เพียงพอแล้ว
อย่างไรก็ดี ในปีใหม่นี้มีสิ่งที่ไม่อยากได้ คือ ความไม่สงบสุข และ ความขัดแย้ง และในวันข้างหน้าหากไม่เป็นนายกรัฐมนตรีก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง อย่าไปคิดว่าจะเป็นอย่างอื่น ซึ่งส่วนตัวอยากได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ได้นักการเมืองที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้
ส่วนสิ่งที่คาดหวังในปีใหม่ หวังว่าจะสามารถลดความยากจน และ ความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยที่ไม่มีความขัดแย้งอีกต่อไป โดยขอประกาศว่า ถ้าสถานการณ์ยังมีความขัดแย้งสูงการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือไม่ ก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้มีการเลือกตั้งก็ขอให้มีความสงบสุขเรียบร้อย ที่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเลื่อนการเลือกตั้งออกไป เพียงต้องการ ปรามผู้ที่จะก่อความวุ่นวาย
"ผมประกาศไว้เลยสถานการณ์ถ้ายังมีความขัดแย้งสูงการเลือกตั้งได้หรือเปล่าผมไม่รู้ เพราะฉะนั้นอย่าทำให้มันเกิดขึ้น ผมไม่ได้เป็นคนทำ เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้มีการเลือกตั้งก็ขอให้มีความสงบสุขเรียบร้อย ถ้าไม่สงบเลือกแล้วถ้าเลือกตั้งไปแล้วยังมีการตีกันอยู่ผมก็รับผิดชอบไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะเลื่อนการเลือกตั้งออกไป เพียงแต่พูดปรามไว้สำหรับคนที่จะสร้างความวุ่นวาย ประชาชนเองก็ต้องดู ถ้าใครทำตัวแบบนี้ก็อย่าไปยุ่งหรือสนับสนุน ไม่เช่นนั้นก็จะผิดกันไปหมด ขอร้องอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน มีเส้นทางไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยก็ไป" พลเอกประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยืนยันด้วยว่า การออกคำสั่ง หัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 เรื่องการขยายเวลา เกี่ยวกับการจัดการสมาชิกพรรคการเมือง โดยเฉพาะ เรื่อง สมาชิกพรรค ต้องกลับมายืนยันการเป็นสมาชิกพรรค เสียค่าบำรุงสมาชิกใหม่ ภายใน 30 วัน นั้นไม่ใช่การรีเซ็ต หรือ สลายความเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง แต่เป็นการยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคการเมือง เพื่อต้องการให้เกิดความชัดเจนขึ้นว่า คำว่าสมาชิกพรรคเป็นอย่างไร ส่วนที่อาจจะกลัวว่าสมาชิกพรรคเดิมจะย้ายไปอยู่พรรคใหม่นั้น เป็นเพราะตัวเองที่อุดมการณ์สู้พรรคอื่นไม่ได้หรือไม่ ซึ่งหากดีจริงสมาชิกพรรคเหล่านั้นก็ต้องอยู่ ดังนั้นถ้าเชื่อมั่นในอุดมการณ์เดียวกัน ดังที่มีผู้ที่เคยระบุว่า อยากตายไปกับประชาธิปไตยกับพรรคนี้พรรคนั้น แล้วจะกลัวอะไร พร้อมยืนยันการดำเนินการเรื่องนี้ไม่ได้ไปละเมิดหรือล้มกฎหมาย และไม่ต้องการไปแก้ไข กฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ส่วนกระแสข่าวเตรียมตั้งพรรคทหาร นายกรัฐมนตรี ถามกลับว่า จะตั้งทำไม ตั้งได้หรือ ซึ่งสื่อต้องให้ความเป็นธรรมด้วย โดยยกตัวอย่าง ใครก็ตามไปรวบรวมคนตั้งพรรคการเมืองลงเลือกตั้ง แต่ก็ต้องอยู่ที่ประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่ ดังนั้นทุกพรรคการเมืองต้องไปหาคนใหม่ที่สังคมยอม เป็นคนดี แต่หากเป็นแบบเดิมๆ ก็จะขัดแย้งกันเช่นเดิม
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงกรณีที่มีหลายคนประกาศเตรียมตั้งพรรคการเมืองและสนับสนุนตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีว่า ยังไม่มีใครมาถาม และยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่ โดยสถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดทุกอย่าง พร้อมขอทุกฝ่ายอย่ากังวลว่าตนเองจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกเพราะอาจจะเป็นคนอื่นก็ได้
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้สัมภาษณ์กับมติชนออนไลน์ว่าโรดแมปการเลือกตั้งว่า จนถึงขณะนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่าจะยังดำเนินการไปตามโรดแมป ขณะนี้ต้องถือว่าอยู่ในช่วงการดำเนินการตามโรดแมป เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทย มีส่วนช่วยอย่างไรให้การเดินหน้าของโรดแมป โดยเฉพาะการเลือกตั้งไปสู่การมีประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ มีธรรมาภิบาล