พ.ต.ท. สันธนะ ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาตลาดใหม่ดอนเมือง เดินทางไปรายงานตัวตามหมายเรียกคดีหมิ่นเจ้าพนักงาน ที่ สน.ดอนเมือง ที่ พล.ต.ต.นราเดช กลุมทุกสิ่ง ผู้บังคับการกองกำลังพล เป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหา โดยในหมายเรียก ระบุให้ พ.ต.ท.สันธนะ เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ในวันที่ 7 พ.ค. 2561 เวลา 10.00 น.
โดยหลังจากเข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนแล้ว พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า วันนี้เดินทางมาตามหมายเรียก เข้าสู่กระบวนการเหมือนคนทั่วไป กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานนั้น ตนเองเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรม และมั่นใจว่าไม่ผิด ส่วนวันนี้ที่ออกมานั้นไม่ได้ออกมาเพื่อผลประโยชน์ อยากให้สถานการณ์คลี่คลาย
ส่วนเรื่องมาเฟียคุมตลาดนั้น พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า เมื่อก่อนเคยมีมาเฟียจริง มันเคยมี ไม่ใช่ตนเอง ตนเองเป็นผู้มาช่วยปราบเท่านั้น เป็นปัญหาเก่ากันมา ยอมรับว่าเป็นลูกน้องเก่า แต่อยากให้จัดการกันเอง ตนเองไม่อยากลงมาเพราะไม่มีเวลา สำหรับตนเองไม่มีความหมาย ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แก้ปัญหาจบไปแล้ว ไม่มีการเรียกเก็บเงินแล้ว
"ประเทศนี้ไม่มีมาเฟียแล้ว ถ้ามีตรงไหนให้มาบอก มาเฟียปัจจุบันต้องอยู่ด้วยการให้ อยู่ด้วยใจ ไม่ใช่อยู่แล้วเรียกร้องรบกวน อย่างความหมายที่หลายคนเข้าใจ" พ.ต.ท.สันธนะ กล่าว
ส่วนเรื่องการตรวจค้นสินค้าผิดกฎหมายตามที่ อย.ตรวจเช็ค ก่อนหน้านี้ตนเองไม่ทราบว่ามีสินค้าเหล่านี้อยู่ สินค้ามีกว่า 3 แสนกว่าชิ้น ส่วนตัวเป็นคนไม่ใช้เครื่องสำอาง และเรื่องเจ้าหน้าที่ อย. ถูกปิดล้อมไม่ให้เข้าตรวจสอบนั้น เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หลายปีมาแล้ว ไม่ได้อยู่ในชุดบริหารใหม่ ปัจจุบันไม่มีแล้ว
โดยวันนี้ (7 พ.ค.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมเจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์ และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร เข้าตรวจค้นพื้นที่ตลาดใหม่ดอนเมือง เป็นวันที่ 6 ตามหมายค้นจากศาลอาญา จุดแรก คืออาคารที่ทำงานสำนักงานตลาดใหม่ดอนเมือง เป็นการตรวจค้นเพื่อหาพยานหลักฐาน เอกสารเพื่อนำไปใช้ประกอบการดำเนินคดี จุดที่ 2 คือชั้น 2 ของอาคารพลาซ่าริมน้ำ ที่ถูกอ้างว่าเป็นออฟฟิศของผู้บริหาร จากการเข้าตรวจค้นพบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ปิด ถูกทิ้งร้างไม่มีผู้อาศัย พบเศษกล่อง กองขยะหลายกอง รวมถึงบนโต๊ะทำงานพบนามบัตร ของ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ วางอยู่ เบื้องต้นไม่มีผู้มายืนยันสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐาน ลายนิ้วมือแฝง ดีเอ็นเอ เพื่อนำไปพิสูจน์หาผู้เป็นเจ้าของต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :