แอปพลิเคชัน Sleep Cycle ที่มีผู้ใช้กว่า 1 ล้านคนทั่วโลก เปิดเผยข้อมูลประเทศที่มีการนอนหลับมากที่สุด โดยแอปฯ จะจับช่วงเสียงการนอนตอนกลางคืนและการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งาน พบว่า ประเทศที่ประชากรหลับมากที่สุดคือ นิวซีแลนด์ เวลานอนเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 7 ชม. 30 นาที - 7 ชม. 45 นาที โดยมีประเทศที่อยู่ในช่วงเวลานี้ด้วย เช่น ฟินแลนด์, เนเธอร์แลนด์, ออสเตรเลีย, บริเทน, เบลเยียม และไอร์แลนด์
ประเทศที่ประชากรใช้เวลานอนหลับน้อยในช่วงระหว่าง 6 ชม. 15 นาที - 6 ชม. 30 นาที มี ประเทศญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และซาอุดีอาระเบีย ส่วนกลุ่มเวลาที่เป็นที่ได้รับความนิยมคือ 6 ชม. 45 นาที - 7 ชม. 30 นาที โดยประเทศไทยมีเวลานอนเฉลี่ยที่ 7 ชม. เหมือนกับ ฮ่องกง, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, บราซิล, ตุรกี, เม็กซิโก, ไต้หวัน เป็นต้น
ซึ่งตามคำแนะนำจากองค์การด้านการนอนแห่งชาติของสหรัฐ บอกไว้ว่า คนวัยผู้ใหญ่ควรนอนให้ได้ 7-9 ชม. ต่อวัน เพราะการนอนน้อยอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ การตื่นเป็นเวลา 20 ชม.ในแต่ละวันทำให้ร่างกายอ่อนแอ คล้ายกับการดื่มไวน์ 1 ขวด การนอนวันละ 6 ชม.ต่อวันติดต่อกัน 2 สัปดาห์ทำให้สมองทำงานช้าลง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้รั้งแต่จะเพิ่มโอกาสที่ทำให้เสียชีวิตเร็วขึ้น 13 เปอร์เซนต์
แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่นอนหลับได้มากกว่าคนอื่นๆ ผู้ใช้แอปฯ เพศชายใช้เวลางีบราว 20 นาที น้อยกว่าเพศหญิง และใช้เวลาเกลือกกลิ้งบนเตียงมากกว่า ด้านผู้สูงอายุจะเข้าสู่โหมดเวลาที่ดวงตาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในทิศทางต่างกัน หรือเรียกว่า REM (rapid-eye movement) น้อยกว่าคนช่วงอายุอื่นๆ ซึ่งโหมด REM ที่ว่านี้จะเกิดประมาณ 90 นาทีหลังจากที่นอนหลับไปแล้ว แบ่งเป็น 3 ช่วงคือ ช่วงแรกใช้เวลาประมาณ 10 นาที ช่วงที่สองกินเวลานานขึ้น ช่วงที่สามใช้เวลาประมาณ 1 ชม. หรือมากกว่า โดยเมื่อร่างกายเข้าสู่โหมด REM Sleep ชีพจรและการหายใจจะเร็วขึ้น การฝันจะเกิดในช่วงนี้ และสมองจะทำงานมากขึ้นไม่น้อยไปกว่าตอนที่เรากำลังตื่น เด็กจะใช้เวลา 50% ที่อยู่ในโหมด REM Sleep ,ผู้ใหญ่ใช้เวลา 20% ที่อยู่ในโหมด REM Sleep