ไม่พบผลการค้นหา
อดีต ส.ส.เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ ยืนยัน ไม่ไปต้อนรับ ครม. สัญจร พะเยา-เชียงราย เชื่อพลังประชารัฐไม่สามารถเจาะฐานเสียงในพื้นที่ได้ ไม่กลัวพลังดูด เพราะเชื่ออดีต ส.ส.เหนียวแน่น

กรณีกระแสข่าวระบุว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. เตรียมลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัด พะเยา-เชียงราย ในวันที่ 17-18 กันยายนนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเป็นพื้นที่ คสช. ดูดตัว ส.ส.เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่มีข่าวว่าจะย้ายมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ


สามารถ แก้วมีชัย.jpg

นายสามารถ แก้วมีชัย ผู้ประสานงานภาคเหนือพรรคเพื่อไทย และ อดีต ส.ส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นว่า การลงมาพื้นที่ครั้งนี้ หากสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนในฐานะรัฐบาลถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่การแก้ปัญหาข้าวโพดหรือพืชผลการเกษตร ปัญหาเกษตรกร ไม่สามารถแก้ได้ภายในวันเดียว เพราะเป็นปัญหาที่หมักหมมมานาน เกี่ยวข้องกับการผูกขาดของนายทุนรายใหญ่ ไม่ใช่ว่าแก้โดยการลงพื้นที่แล้วจะหาย หรือจะแก้แบบฉาบฉวย เช่น กรณีที่นายกรัฐมนตรีเคยให้ประชาชนไปปลูกหมามุ่ย

ส่วนเรื่องพลังดูด นายสามารถ ยืนยันว่า อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย ไม่มีใครโดนดูด เพราะทุกคนมั่นคงอยู่กับพรรคเหนียวแน่นกว่าภูมิภาคอื่น แม้บางที่อาจจะไม่ลงรอยกันบ้าง จนหลายคนต้องย้ายไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ หรือกลุ่มสามมิตร ส่วนตัวเชื่อว่าทุกคนยังยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการแข่งขันระหว่างฝ่ายประชาธิปไตย กับฝ่ายเผด็จการทหาร ซึ่งพี่น้องประชาชนทราบดีว่าเลือกฝ่ายไหนแล้วชีวิตจะดีขึ้น พร้อมระบุว่าจะไม่มีอดีต ส.ส. ของพรรคคนไหนไปต้อนรับคณะรัฐมนตรี เพราะไม่มีหน้าที่ไปต้อนรับ หรือแม้แต่ทุกวันนี้ อดีต ส.ส. จะไปออกงานในพื้นที่ ฝ่ายความมั่นคงยังกันไม่ให้ไปออกงาน

"หากมีประชาชนไปต้อนรับเยอะ ก็อย่าเข้าใจผิด หรือหลงเสียง แต่ประชาชนต้องไป เพราะอาจจะมีการขอร้องจากผู้ใหญ่ในพื้นที่ หรือเห็นแก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน"

ส่วนกรณีของ ร้อยเอกธรรมนัส ไม่ทราบจริงหรือไม่ ที่จะย้ายพรรค แต่คาดว่าจะไม่กระทบกับการเลือกตั้งที่จะมาถึง เพราะตัวของ ร.อ. ธรรมนัส เองเป็นเพียงแต่อดีตผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ยังไม่มีได้มีบทบาทกับพรรคมากนัก


มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข.JPG


ด้าน นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตผู้สมัคร ส.ส. พะเยา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การมาลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นกำหนดการเดิมที่เลื่อนมาจากรอบที่แล้ว ตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ถ้ำหลวงขุนน้ำ-นางนอน ซึ่งในภูมิภาคนี้มีปัญหาการเกษตรที่ต้องแก้ไข เช่น ราคาข้าวโพดตกต่ำ เนื่องจากมีการนำเข้าข้าวสาลี และข้าวบาร์เลย์มาทำอาหารสัตว์โดยไม่กำหนดโควต้า, ปัญหาสับปะรดล้นตลาด, อีกทั้งยังเป็นแห่งเพาะปลูกข้าวหอมมะลิที่ใหญ่มี่สุดในประเทศ, รวมทั้งปัญหาการขนส่งลำไย และลิ้นจี่ ซึ่งปัญหาเหล่านีี้ ถือเป็นความผิดพลาดใหญ่ของทีมเศรษฐกิจที่ไม่สามารถแก้ไขได้ จนทำให้เกษตรกรขาดทุนต่อเนื่องมานานหลายปี และผลประโยชน์ส่วนใหญ่ตกอยู่ที่นายทุนรายใหญ่ ส่วนตัวเกรงว่าแม้จะมีการลงพื้นที่ แต่ระยะเวลาที่เหลืออีกแค่ 4-5 เดือน จะแก้ปัญหาดังกล่าวไม่ทัน

ส่วนเรื่องพลังดูด นางมัลลิกา เปิดเผยว่า ยังไม่มีเรื่องนี้ในพื้นที่ เพราะคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนพรรคทหาร ดังนั้นพลังดูดจึงอาจจะเกิดขึ้นได้ยาก การเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะเป็นการชิงชัยกันระหว่างเพื่อไทย กับประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย เช่นเดิม ยังไม่เห็นว่าใครจะมาเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ และเธอมั่นใจว่าจะไม่มีอดีตนักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์คนใดไปต้อนรับคณะรัฐมนตรี

อย่างไรก็ตาม กรณีข่าวของ ร.อ. ธรรมมนัส เชื่อว่าจะไม่ลงสมัครเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ เพราะเจ้าตัวยังไม่เคยลงพื้นที่หาเสียงมาก่อน ประกอบกับครอบครัวของ ร.อ. ธรรมนัส อาจจะลงสมัครรับเลือกตั้งในการเมืองท้องถิ่นมากกว่า