นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวว่า โดยหลักการเมื่อนายกฯ ประกาศกรอบเวลาเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องควรจะนิ่งและค่อยๆ ชัดเจนขึ้นตามลำดับ เช่น เมื่อพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)พรรคการเมืองบังคับใช้ทุกพรรคก็ขับเคลื่อนตามนั้น รอเวลากฎหมายลูกอีก 2 ฉบับเสร็จก็เดินหน้าตามกระบวนการ แต่ข้อเท็จจริงกลายเป็นว่า หลังประกาศโรดแมปกลับมีเหตุปัจจัยต่างๆ มากมายเป็นเงื่อนไขของการเลือกตั้ง แต่อยู่ๆ ก็งานงอกบอกว่าต้องแก้กฎหมายท้องถิ่น 6 ฉบับเพื่อจัดเลือกตั้งท้องถิ่นก่อน ทั้งที่ความจริงเป็นคนละเรื่องกัน เพราะตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญไม่ได้วางเรื่องนี้ให้เป็นเงื่อนเวลาว่าต้องอะไรก่อนหลัง จะอ้างเรื่องความสงบเรียบร้อยก็ไม่มีเหตุผลเพราะไม่มีใครคิดก่อการอะไรอยู่แล้ว มองแล้วไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าการดึงเกมเพื่อทดเวลาเลือกตั้งใหญ่ให้ถอยห่างออกไปใช่หรือไม่
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ที่น่าใจหายคือ ท่าทีของเนติบริกรฝ่ายผู้มีอำนาจซึ่งแสดงตัวเหมือนนักกฎหมายไม้เลื้อย ช่วยกันอธิบายสิ่งเหล่านี้ให้ดูเหมือนเรื่องธรรมดา เช่น ถ้าพรรคการเมืองทำงานไม่ทันก็ให้แก้กฎหมาย หรือหากยังไม่ปลดล็อคนักการเมืองก็สามารถพบกันหรือทำอะไรกันไปก่อนได้ ทั้งที่การประกาศใช้กฎหมายลูกแต่ยังไม่ปลดล็อคหมายถึงการงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตราซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่
ทั้งนี้พรรคการเมืองที่จะลงเลือกตั้งนั้นต้องมีความสง่างาม ขับเคลื่อนโดยเปิดเผยภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่ใช่ลักลอบทำอะไรกันไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะปลดล็อคให้ บ้านเมืองจะเดินไปข้างหน้าได้อย่างไรในเมื่อไม่มีหลักประกันอะไรเลยแม้แต่การบังคับใช้กฎหมาย