ไม่พบผลการค้นหา
ขอให้ท่านคณะผู้ครองอำนาจอย่าเพลิดเพลินจนเกินไป ... คนไทยมีมหาศาลหลายสิบล้านคน อำนาจอะไรก็กดหัวประชาชนให้ครบทุกคนไม่ได้หรอกครับ

ตกตะลึง และตื่นเต้น เมื่อได้เห็น ได้ยิน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เอ่ยคำขอโทษครอบครัวของ “น้องเมย” นักเรียนเตรียมทหาร ปี 1 ที่สงสัยสาเหตุการเสียชีวิต มาจากการแดก หรือธำรงวินัย ต่อเนื่องหรือไม่

นักเรียนทหารเสียชีวิต ในลักษณะคล้ายๆกับกรณี น้องเมย ไม่ใช่ศพแรก แต่การที่ศพก่อนๆ ไม่ดังขนาดนี้เพราะยังไม่มีสื่อโซเชียล และคราวนี้ท่านพลเอกประวิตรช่วยพูดทำให้คนไทยอารมณ์เดือด แม้ท่านพลเอกประวิตรก็ขอโทษครอบครัวคนตายแล้ว .. แต่กรณีจะจบมั๊ย ผมว่าจบยากครับ เพราะเวลานี้ประเด็นเลยเถิดไปถึง “สถาบัน” โรงเรียนเตรียมทหาร แล้ว กำลังปลุกเร้ากันอยู่ ตกลงว่าเป็นสถาบันที่กฎหมายยื่นมือเข้าไปไม่ได้ใช่มั๊ย 

ตัวผมนั้นชอบทหารก็เอาใจช่วย ขอให้บรรดานายทหารใหญ่ ทหารอาชีพ ที่ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง รีบแก้ไขเหตุนี้โดยรักษาสถาบันโรงเรียนทหารเอาไว้ให้ได้ กองทัพไทยราคาแพงมากนะครับ มีหน้าที่ป้องกันประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีราคาแพงมากกว่าโรงเรียนทหารหลายเท่า ดังนั้นทางจบที่คงจะสวยงาม ถ้าทหารยอมเสียสละนักเรียนทหารอีก 1 คน   เมื่อเป็นคดีอาญา  นักเรียนทหารปกครอง ที่เรียกว่า คอมมาน จะไม่กล้าทำน้องๆอีก 

เช่าหนังเรื่อง A few good men (1992) ไปฉายให้ทหารทุกคนในโรงเรียนทหาร ทุกระดับ ได้ดู ก็จะดีนะครับ

ประเด็นของผมในวันนี้ไม่ใช่เรื่องของโรงเรียนเตรียมทหาร ผมจะเขียนเรื่อง อิทธิพลของโซเชียลปราบเผด็จการ โซเชียลได้กลายเป็นเครื่องมือปราบเผด็จการที่ทรงพลานุภาพไปแล้ว ซึ่งจากรณีน้องเมย เราก็ได้เห็นอีกอย่างหนึ่งจากปรากฏการณ์ “แอดมินกลุ่มมุ่งสู่โรงเรียนเตรียมทหาร” ไม่รู้คือใคร ไม่มีตัวตน  เปิดแล้วก็ปิดไปแล้ว แต่ได้สร้างความสั่นสะเทือนรุนแรงมาก  

โพสต์ข้อความว่าด้วยเรื่องความภาคภูมิใจของคนที่ได้เข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ทำให้ชาวโซเชียลไทยก่นด่ารุนแรง นักเรียนเตรียมทหารที่ไม่เกี่ยวข้องโดนเจ็บๆไปด้วย ซึ่งผมไม่ลอกมาลงนะครับ เชื่อว่าชาวโซเชียลไทยหาอ่านได้  เขียนว่าไง

ผมแตะประเด็น แอดมินกลุ่มมุ่งสู่โรงเรียนเตรียมทหาร แค่นิดเดียวเพื่อกระตุ้นให้นายทหารใหญ่ในกองทัพไทย รีบหยุดกระแสนี้ มันทำร้ายสถาบันโรงเรียนเตรียมทหารได้แรงมาก โดยฝีมือของคนไม่มีตัวตน

ตรงนี้แหละครับที่ผมจะโยงเข้าหาการเมืองไทยขณะนี้ ด้วยการขอให้ท่าน “คณะผู้ครองอำนาจอย่าเพลิดเพลินจนเกินไป” วาจาท่าน... !!!!!

อย่าคิดว่ากุมสภาพได้หมด ทำให้คนกลัวได้เบ็ดเสร็จ ด้วยอำนาจพิเศษทั้งปวงที่มีอยู่ ใช้เชือดๆไปแล้วหลายราย

คนไทยมีมหาศาลหลายสิบล้านคน อำนาจอะไรก็กดหัวประชาชนให้ครบทุกคนไม่ได้หรอกครับ

หลังจากที่มีข่าว สตช.ออกคำสั่งด่วนถึงตำรวจทั่วประเทศให้จับตา “แกนนำ” ที่จะปลุกม็อบมาขับไล่รัฐบาลของท่าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมก็งง เพราะเท่าที่ติดตามอยู่ในระดับประชาชนยังไม่มีขยับยังไม่พบมีการใช้โซเชียลนัดแนะกันมาไล่รัฐบาล ยังใช้โซเชียล ในเรื่องที่ไร้สาระกันอยู่ ซึ่งก็ดีที่บิ๊ก สตช.รีบแถลงข่าวแก้ว่า เป็นการเตือนตามรอบปฏิบัติปกติ ยังไม่พบมีการปลุกม็อบไล่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เพราะแกนนำถูกจับขังไว้หมดแล้ว

ม็อบโดยแกนนำไม่น่ากลัวแล้วครับ เพราะคนไทยเซ็งแกนนำ ไม่ว่าม็อบฝั่งไหนก็ไม่น่ากลัว เพราะแกนนำขายไม่ออกแล้ว โดยเห็นได้จากขณะนี้ ฝ่ายเป่านกหวีดขยับแรง ไลฟ์สด  ในเครือข่ายโซเชียลถี่ยิบ ถล่มพลเอกประยุทธ์ด้วยคำแรงๆ แต่ไม่มีเด้งรับจากประชาชน

ผมเขียนเรื่องนี้เพราะอะไร เพราะไม่อยากให้ผู้ครองอำนาจในไทยปรามาสพลังอำนาจของโซเชียล ท่านทั้งหลายก็คงจำได้นะครับ ประธานาธิบดี Zine El Abidine Ben Ali แห่งประเทศตูนีเซีย นายทหารยศพลเอก ได้อำนาจด้วยการรัฐประหารโค่นประธานาธิบดีคนที่ตั้งตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วก็ต่อท่ออำนาจด้วยการเลือกตั้งตามวิถีประชาธิปไตย ได้เป็นประธานาธิบดี ครองอำนาจต่อเนื่อง 23 ปี อยู่มั่นคงด้วย “กำปั้นเหล็ก” ปราบปรามประชาชนที่ร่ำร้องให้แก้ไขปัญหาปากท้องด้วยการให้ตำรวจไล่ทุบตี แล้วจับขัง

อำนาจเผด็จการในคราบประธานาธิบดีประชาธิปไตย ชาวบ้านกินไม่อิ่ม 

วันที่ 17 พ.ย.2010 นาย Mohamed Bouazizi อายุ 29 คุณพ่อลูก 2 เข็นรถใส่ผลไม้ไปจอดขายริมถนนกลางเมือง Boukhadra (in Tébessa Province) เขาถูกตำรวจมาไล่ ยึดเข็นรถไป และตำรวจหญิงได้ใช้ฝ่ามือตบหน้าเขาหนึ่งที ทำให้เศร้าหมองมาก เขาไปซื้อน้ำมันเยนซินจากปั๊มมา 1 แกลลอน 5 ลิตร ราดตัวเองและจุดไฟเผาท่วมตัว 

ตำรวจนำส่งโรงพยาบาล  ผู้คนเริ่มมีปฏิกิริยา เรียกร้องให้ประธานาธิบดี เบน อาลี รับผิดชอบและให้ไปเยี่ยม ซึ่ง เบน อาลี โดนกดดันก็ยอมไปเยี่ยมถึงข้างเตียง ประกาศจะรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด และตั้งกรรมการสอบเอาผิดตำรวจหญิงคนตบหน้า แต่ก็ไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น ประชาชนชุมนุมบนถนนหนาแน่นขึ้นเรื่อย ขยายเป็นให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาปากท้อง สินค้ากินเข้าปากราคาแพง

4 ม.ค.2011 Mohamed Bouazizi ตายบนเตียงโรงพยาบาล ทำให้ประชาชนตูนีเซียในเมืองหลวง และเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ลงมาอยู่บนถนน ขับไล่ เบน อาลี กับเฟิร์สเลดี้ “Laila” ผู้ใช้ชีวิตหรู ในขณะชาวบ้านยากจน ประชาชนบุกเข้าเผาคฤหาสน์ของประธานาธิบดีทุกแห่งทั่วประเทศ ลักสมบัติมีค่าเหี้ยน

คลิปวิดีโอที่ผมจำติดตาที่สุด  ก็เหตุการณ์ ที่ชายคนหนึ่งใช้รถยกของ Forklift ยกรถซูเปอร์คาร์ Ferrari 599 GTB ที่ลักออกมาจากคฤหาสน์หลังหนึ่งของประธานาธิบดี ขณะชาวบ้านบุกเผา เขาขับวิ่งไปตามถนน พร้อมยกนิ้วโป้ง+ยิ้ม ให้กับคนที่ใช้มือถือถ่ายคลิปนี้ด้วย

Mohamed Bouazizi เผาตัวเอง ชาวบ้านได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปไว้ และเผยแพร่ในโซเชียล ก่อกระแสเดือดพล่าน แล้วก็ใช้โซเชียลอีกหลายเครือข่ายชักชวนกัน นัดแนะ ออกมาขับไล่บนถนจนเบนอาลียอมแพ้ บินหนีไปซาอุดิอารเบีย พร้อมเมียเมื่อวันที่ 14 ม.ค.2011 ขณะที่นักปฏิวัติประชาชน ตามจับคนในครอบครัวที่เสวยสุขจากการกอบโกยขณะครองอำนาจมารเข้าคุกหลายคน บางคนก็หนีทัน

ผมขอย้ำนะครับ ประชาชนตูนีเซีย ในทวีปแอฟริกาตอนเหนือ กลัวระบอบการปกครองของประธานาธิบดีเบน อาลี หัวหด แต่เมื่อมีคนเริ่มใช้โซเชียลเป็นเครื่องมือความกลัวก็หมด แล้วสู้จนได้รับชัยชนะ เป็นตำรา Arap spring ของคนอีกหลายชาติในตะวันออกกลาง 

ประเทศไทยปรับครม.ใหม่แล้ว ผมไม่วิจารณ์ แต่ขอชี้เป้าให้คนไทยอ่านสกู๊ปข่าวของ voice tv ชื่อเรื่อง 'สมคิด คอนเนกชั่น' กระชับอำนาจนำทีมเศรษฐกิจ 'ประยุทธ์ 5' เขียนได้ดีมากๆ 

ปากท้อง เป็นตัวชี้ขาด

ครม.ใหม่ของท่านเป็นอย่าง ผมก็เชื่อว่าท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อ่านและได้ยินเองแล้วทั้งหมด

ช่วงเวลาฮันนีมูนไม่เหลือแล้วนะครับ

เหลือสุดท้าย...

จัดเลือกตั้งอย่างไว

ฉลามเขียว
0Article
0Video
0Blog