ไม่พบผลการค้นหา
'เรืองไกร' แฉต่อ บัญชี ธ.ก.ส.ไม่ตรงกับ อคส.และอตก. จ่ายเงินซ้ำซ้อน แจ้งหนี้ไม่ตรง ทำให้ผลสอบชี้หน่วยงานมีปัญหา กระทบมูลค่าความเสียหายจำนำข้าวสูงกว่าความจริงนับแสนล้านบาท

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า บัญชีโครงการรับจำนำข้าวของหลายหน่วยงานมีปัญหาไม่ตรงกัน บันทึกบัญชีลูกหนี้ เจ้าหนี้ไปคนละทาง ทำให้ไม่สามารถสอบยันตัวเลขทางบัญชีได้ แต่ตัวเลขเหล่านี้กลับถูกอ้างไปใช้ปิดบัญชีหาผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งหากดูตามมาตรฐานทางบัญชีแล้ว ไม่มีความถูกต้อง และไม่สามารถใช้อ้างอิงได้ 

โดยกรณีที่ตรวจพบ มาจากการติดตาม ข่าวสารของพนักงาน ธ.ก.ส. รายหนึ่ง ที่เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.จ่ายเงินให้เกษตรกร ไม่ตรงตามยอดใบประทวน จ่ายซ้ำซ้อน หรือจ่ายโดยไม่สามารถจัดยอดใบประทวนได้ แต่หลังจากที่พนักงานธ.ก.ส.คนดังกล่าว พยายามเรียกร้องให้ตรวจสอบซ้ำ กลับถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และพักงานอย่างไม่เป็นธรรม 

ดังนั้น นายเรืองไกรในฐานะนักตรวจสอบบัญชี จึงต้องเข้าไปตรวจสอบงบการเงินของธ.ก.ส.ที่ตั้งออกไปยังลูกหนี้ระบุไว้อย่างไร

ส่วนประเด็นที่ตรวจสอบพบ ถือมีนัยยะสำคัญ และอาจทำให้เกิดยอดทางบัญชีที่แตกต่างกัน หรือสูงกว่า ผลบัญชีจริงนับแสนล้านบาท ซึ่งนอกจากการแจ้งหนี้ที่คลาดเคลื่อนแล้ว ยังต้องตรวจสอบ ด้วยว่าการออกใบประทวนให้เกษตรกร แต่ละรายมีเงินมูลค่าที่รับจำนำเท่าใด และปริมาณข้าวเปลือกแต่ละรายมีจำนวนเท่าใด มีลักษณะซ้ำซ้อน หรือไม่ 

เบื้องต้นจากข้อมูลที่ตรวจสอบ พบว่า 3 กรณีมียอดไม่ถูกต้องไม่ตรงกัน และยอดรวมที่บันทึกบัญชีระหว่างธ.ก.ส.กับ อคส.และอตก. แตกต่างกัน ด้วยวงเงินที่สูงมาก จึงต้องขยายผลการตรวจสอบ เพิ่มเติม เพราะเชื่อว่า จะมีเงินแผ่นดิน ที่ถูกจ่ายไป โดยไม่ถูกต้อง ซึ่งทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณ และท้ายที่สุด จะต้องนำเงินภาษีของประชาชน มาใช้ชำระคืน

ทั้งนี้ทีมข่าวได้สอบถาม ความคืบหน้าการต่อสู้คดี ไปยังนางสาวชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์ พนักงานธ.ก.ส. ซึ่งได้รับการเปิดเผยว่า สถานการณ์ตอนนี้ อยู่ระหว่าง ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีการโพสต์ ข้อมูลที่ตรวจพบและส่อว่าไม่โปร่งใส รวมถึงข้อกล่าวหาว่า โพสต์ข้อความ กระด้างกระเดืองต่อผู้บังคับบัญชา ขณะเดียวกัน เตรียมอุทธรณ์กรณี ธ.ก.ส.ปกปิดข้อมูลข่าวสาร ขณะเดียวกันจนถึงปัจจุบัน นางสาวชญาดา ยังไม่ได้รับตำแหน่งคืน จึงเตรียมฟ้องศาลแรงงานและขยายอุทธรณ์ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง 

อ่านเพิ่มเติม