คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมนายสมยศ ลีลาปัญญาเลิศ คู่สมรส เปิดบ้านให้อดีต ส.ส. และสมาชิกพรรคเพื่อไทย รดน้ำอวยพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ 2561 ด้วยความคึกคัก
โดยในงานวันนี้ (18 เม.ย.) มีอดีตรัฐมนตรี, อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคอีสาน เช่น นายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, นางศันสนีย์ นาคพงศ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีต ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขตมีนบุรี พรรคเพื่อไทย, นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีตสมาชิก ส.ส. จังหวัดนนทบุรี พรรคเพื่อไทย, นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น อดีต ส.ส. จังหวัดอุดรธานี, นายไพจิต ศรีวรขาน อดีต ส.ส. จังหวัดนครพนม, รวมทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคเพื่อไทย เป็นต้น
ขณะที่ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นตัวแทนกล่าวอวยพร ว่าอดีตนักการเมือง อดีต ส.ส. และอดีตรัฐมนตรีที่เดินทางมาในวันนี้ เคารพ รักและมั่นใจในตัวคุณหญิงเป็นอย่างมาก
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ได้มอบพระพุทธเจ้าน้อยพร้อมเสื้อคอโปโลสีส้มสกรีนข้อความ "TEAMคุณหญิงสุดารัตน์" ให้แก่ผู้ที่เข้ามาร่วมงาน พร้อมกันนี้บุตรชายและบุตรสาวคุณหญิงสุดารัตน์ 3 คน ได้แก่ นายภูมิภัทร ลีลาปัญญาเลิศ (น้องบอส), นายพีรภัทร ลีลาปัญญาเลิศ (น้องเบสท์) และนางสาวยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ (น้องจินนี่) ได้ร่วมรดน้ำขอพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ด้วย
นอกจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวปฏิเสธว่าการจัดงานในวันนี้ไม่ได้มีนัยยทางการเมือง และไม่ชนกับการนัดทานข้าว ตีกอล์ฟของแกนนำพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และน้องๆ ที่รักและเคารพที่มาวันนี้ ต่างมาเพื่อรดน้ำขอพร และไม่ได้เช็คชื่ออดีต ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยแต่อย่างไร
อีกทั้ง หลายคนที่มาร่วมงานวันนี้ เดี๋ยวก็จะไปร่วมตีกอล์ฟต่อ พร้อมยืนยันว่าการร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยยังเป็นไปด้วยดี แม้จะมีข่าวต่างๆ เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และเห็นว่า พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังทำหน้าที่ได้ดี ซึ่งขอชื่นชมการทำงานอย่างทุ่มเทมาได้ดีตลอด
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุ ว่าตนจะเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เหตุการณ์ยังมาไม่ถึง ต้องพิจารณาหลายเงื่อนไข แต่สิ่งที่แน่นอนคือ การเป็นสมาชิกของพรรค และพร้อมเป็นฟันเฟืองเพื่อร่วมขับเคลื่อนพรรค และแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนที่ถูกหมักหมมมากกว่า 4 ปี หลังจากการรัฐประหาร
ย้ำ 'พล.อ.ประยุทธ์' แสดงออกชัด มีความปรารถนาเข้าสู่การเมืองเพื่อสืบทอดอำนาจ
สำหรับกรณีที่รัฐบาลดึงนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชลมาเป็นที่ปรึกษาด้านการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คุณหญิงสุดารัตน์ให้ความเห็นว่า ไม่ใช่เพียงนัยยทางการเมือง แต่เป็นความชัดเจนว่าพล.อ.ประยุทธ์ มีความปรารถนาที่จะเข้าสู่การเมืองเพื่อสืบทอดอำนาจหลังการเลือกตั้ง รวมถึงการร่างรัฐธรรมนูญให้มีเงื่อนไขเอื้อต่อการสืบทอดอำนาจอย่างยาวนาน เช่น การให้ ส.ว. แต่งตั้ง 250 คน มีอำนาจในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนนอก เป็นต้น
อีกทั้ง ยังมีการเลื่อนการเลือกตั้ง ซึ่งเห็นชัดว่า คสช. ไม่อยากให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเร็วๆนี้ รวมถึงพยายามหาทางให้ได้เปรียบโดยใช้ อำนาจตามมาตรา 44 ห้ามพรรคการเมืองหาเสียงและทำกิจกรรมทางการเมือง ขณะเดียวกัน กลับใช้งบประมาณและกลไกภาครัฐหาเสียงเสียเอง เช่น โครงการไทยนิยมยั่งยืน โครงการบัตรสวัสดิการคนจน ที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนรายใหญ่ ซึ่งหากพิจารณาตามบริบทแล้วคสช. มีอำนาจทำได้ แต่จะทำให้กติกาในระบอบประชาธิปไตยบิดเบี้ยว เพราะเป็นการตัดสิทธิ์ของประชาชนออกไป ไม่ใช่การเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและไม่สะท้อนความต้องการของประชาชน
"ขอให้ พล.อ. ประยุทธ์ เปิดเผยตัวให้ชัดเจนอย่างสุภาพบุรุษว่าต้องการจะสืบทอดอำนาจต่อ เพราะหากจะกลับคำพูดว่าไม่เล่นการเมืองก็สามารถทำได้ แต่จะต้องทำอย่างสง่างาม ดึงคนดีมีความสามารถเข้ามาร่วมทำงาน เสนอนโยบายแล้วให้ประชาชนเป็นคนเลือก" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
พร้อมกับระบุ ว่าทางพรรคเพื่อไทยจะเคารพในการตัดสินใจของประชาชน แต่การใช้อำนาจที่ตนมีอยู่เอาเปรียบคู่แข่งตอนนี้ไม่ได้เกิดผลกับประชาชนอย่างแท้จริง ดังจะเห็นได้ว่าการใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถเข้าถึงรากหญ้าและกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง
ส่วนการร่วมมือกับพรรคพลังชลในอนาคตจะมีปัญหาหรือไม่คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังชลแยกกันทำงานคนละพรรคอยู่แล้ว แต่จะร่วมมือกันในประโยชน์ของประชาชน
พร้อมกับยืนยัน ว่า อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทยในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีอุดมการณ์ที่ชัดเจนในเรื่องของการส่งเสริมประชาธิปไตยและต่อสู้กับเผด็จการ จึงมั่นใจว่าจะไม่ถูกดึงตัวไปร่วมงานกับ คสช. อย่างแน่นอน
'วัฒนา' ร่วมงานบ้านคุณหญิงสุดารัตน์
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า สิ่งที่คสช. ทำไม่ได้มีอะไรสำคัญมากกว่าการแสวงหาอำนาจของคนที่ไม่พร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นคนละฐานเสียงกัน ส่วนตัวสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในอำนาจต่อไปเพราะจะทำให้ประชาชนเห็นความจริงและพรรคเพื่อไทยก็จะหาเสียงได้ง่ายขึ้น แต่ตนประกาศตัวชัดเจนว่า จะไม่เข้าร่วมสังฆกรรมกับ คสช. และคนที่ไปร่วมงานกับพรรคทหารแน่ๆ
อ่านเพิ่มเติม