เซเลนสกีระบุว่า การประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตต่อรัสเซีย เกิดขึ้นหลังจากที่รัสเซียได้ทำการรุกรานประเทศยูเครน โดยการตัดความสัมพันธ์ในครั้งนี้ เป็นการตัดความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองชาติเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ประเทศทั้งสองได้รับเอกราชหลังสหภาพโซเวียตล่มสลายลงในปี 2534
“เราได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซีย” เซเลนสกีระบุกับสื่อมวลชน “ยูเครนกำลังปกป้องตนเอง และจะไม่ยอมเสียอิสรภาพของชาติไป ไม่ว่ามอสโกจะคิดอย่างไร รัสเซียโจมตีอย่างเลวทรามและกำลังฆ่าตัวตายต่อรัฐของเราในเช้าวันนี้ เฉกเช่นกับฟาสซิสต์เยอรมนีได้ทำกับเราระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง”
ยูเครนและรัสเซียมีความสัมพันธ์ทางการทูตมาโดยตลอด ท่ามกลางความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติที่มีความซับซ้อน รวมถึงการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในกรุงเคียฟของปี 2547 และ 2557 โดยการประท้วงดังกล่าวได้รับการต่อต้านจากรัสเซียอย่างหนัก
การตัดสินใจประกาศตัดความสัมพันธ์ของยูเครนต่อรัสเซียเกิดขึ้นหลังจากที่ปูตินได้ตัดสินใจส่งกองทัพของตนเองเข้ารุกรานยูเครน โดยปูตินอ้างว่า กองกำลังดังกล่าวเป็น “กองกำลังรักษาสันติภาพ” เพื่อหยุดยั้งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อชนชาติรัสเซียในดินแดนทางตะวันออกของยูเครนอย่างในพื้นที่โดเนตสค์และลูฮันสค์
ทั้งนี้ จากรายงานของฝั่งยูเครนระบุว่า ยูเครนได้สังหารทหารของรัสเซียลงแล้วอย่างน้อย 50 ราย และเครื่องบินรบอย่างน้อย 6 ลำของรัสเซียได้ถูกยูเครนยิงตก ตลอดจนรถถังรัสเซียอีกอย่างน้อย 4 คันถูกทำลาย ทั้งนี้ เซเลนสกีเรียกร้องขอให้ประชาชนของตนเองหยิบอาวุธขึ้นสู้กับรัสเซียเพื่อรักษาเอกราชของยูเครนเอาไว้ อย่างไรก็ดี มีรายงานเสียงระเบิดเกิดขึ้นนับสิบเมืองทั่วทั้งยูเครน ไม่เว้นแม้แต่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของประเทศ
ปูตินยังได้กล่าวหาว่า ยูเครนได้ปกครองดินแดนโดเนตสค์และลูฮันสค์ ซึ่งตนเพิ่งประกาศรับรองเอกราชไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (21 ก.พ.) ด้วย “ระบอบเคียฟ” และรัฐบาล “นาซียูเครน” ทั้งนี้ กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภูมิภาคดอนเนสของยูเครนได้ส่งการขอความช่วยเหลือไปยังรัสเซียเพื่อช่วยต่อต้านยูเครน ในขณะที่ปูตินประกาศให้กองกำลังของยูเครนวางอาวุธและเดินทางกลับบ้านในทันที
ที่มา:
https://www.aljazeera.com/news/2022/2/24/ukraine-breaks-diplomatic-ties-with-russia