พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ชุดใหญ่ ว่า จากนี้จะเป็นมีการยกระดับการทำงานของ ศบค.ให้เข้มข้นขึ้น จะมีการแถลงข่าวชี้แจงสรุปสถานการณ์ข้อเท็จจริงทุกวัน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนของข้อมูล โดย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ซึ่งข้อมูลที่จะสื่อสารกับประชาชน มีทั้งที่ออกจาก ศบค.และจากสื่อมวลชนที่ไปติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือสื่อมวชนให้ใช้ข้อมูลจาก ศบค.เป็นหลัก เพื่อให้เกิดการสื่อสารไปในทิศทางเดียวกัน ประชาชนได้ประโยชน์นำไปใช้ ส่วนข้อเสนอใดเพิ่มเติมก็ให้ส่งมายังรัฐบาลได้
ทั้งนี้ ศบค.ได้กำหนดโซนพื้นที่แบ่งเป็นสี ตามความรุนแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งจะมีการกำหนดเป็นจุด ไม่ใช่เหมารวมทั้งจังหวัด โดยจัดเป็นพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด โดยมอบอำนาจให้ผู้ว่าฯ และ สสจ.จังหวัด พิจารณากำหนดโซนพื้นที่ เนื่องจากรัฐบาลให้อำนาจผู้ว่าฯไปแล้ว พร้อมย้ำว่าไม่ได้เป็นการโยนความรับผิดชอบของจังหวัด แต่เป็นการมอบอำนาจให้ตัดสินใจ ขณะที่มาตรการหลักจะออกโดย ศบค. ซึ่งทุกจังหวัดต้องปฎิบัติตาม
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่ากังวลการจัดกิจกรรมที่ไม่รู้ที่มาของผู้ร่วมงาน จึงต้องกำหนดขอบเขตการจัดกิจกรรม งานสาธารณะ ให้ชัดเจนโดยเฉพาะต้องรู้ที่มาของผู้ร่วมกิจกรรมทั้งหมด ซึ่งส่วนตัวไม่อยากตัดสินใจห้ามทำกิจกรรม แต่จำเป็นเพราะต้องบริหารความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ ซึ่งกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในช่วงปีใหม่ ศบค.จะหามาตรการที่เหมาะสม เพราะเข้าใจความรู้สึกของประชาชนที่อยากเฉลิมฉลองในช่วงปีใหม่ และยืนยันว่า จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ยังอยู่ในสถานการณ์รับมือได้ และระดับน่าพอใจ ที่เหลือคือขอความร่วมมือจากทุกคน รวมใจสร้างชาติ หากทุกคนมีวินัยปฎิบัติตตามสาธารณสุข หลีกเลี่ยงแหล่งที่ชุมนุมคนจำนวนมากที่มีการตะโกนใส่กัน ไม่ไปรับฟังคนที่ไปพูดแล้วมีน้ำลายกระเด็นออกมา ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมโรคในขณะนี้ บวกกับการไม่รับเชื้อและแพร่เชื่อต่อ ใครรู้ตัวเป็นกลุ่มเสี่ยงก็ตรวจเชื้อ และกักตัว
พร้อมยอมรับรัฐบาลห่วงทุกกิจกรรมจึงต้องกำหนดมาตรการที่เหมาะสม เพราะหากออกเป็นการทั่วไป จะทำให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน
ขณะที่อาหารทะเลที่หลายคนกังวลว่าจะมีการปนเปื้อนเชื้อโควิด นายกฯ กล่าวว่า กรมควบคุมโรค กำลังตรวจสอบอยู่ขอให้รอความชัดเจน เพราะข้อมูลที่ออกมาก่อนหน้านี้อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด และเมื่อนำไปเผยแพร่จะส่งผลกระทบต่อส่งออก จึงอยากทำความเข้าใจกับทุกคนด้วย
ส่วนปัญหาแรงงานข้ามชาติในขณะนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะเข้าสู่ที่ประชุม ครม. โดยจะอนุญาตทำงานได้ชั่วคราว สำหรับผู้ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน เพราะแรงงานข้ามชาติยังมีความจำเป็นในสถานประกอบการ และธุรกิจ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ใช้แรงงานหลัก หากพบผู้ป่วยทั้งคนไทย และแรงงานข้ามชาติรัฐบาลพร้อมดูแลช่วยเหลือทุกคนตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งขณะนี้ ยาและเวชภัณฑ์เพียงพอในการรับมือ ไม่มีใครเสียชีวิต เหมือนการระบาดในรอบแรก เพราะขณะนั้นยาที่ใช้รักษาไม่มีความพร้อม
จากนี้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการต้องการใช้แรงงานที่ถูกกฎหมาย ป้องกันปัญหาในด้านต่างๆ รวมถึงตัดตอนขบวนการหาประโยชน์ ซึ่งขณะนี้กำลังสืบสวนอยู่ เพราะมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคาดว่าไม่นานจะจับกุมได้ เนื่องจากขณะนี้ได้รับข้อมูลมาทั้งจากโซเซียลมีเดีย และคณะทำงาน ซึ่งส่วนตัวรับทุกเสียงสะท้อน ที่มีการตำหนิ ซึ่งส่วนตัวไม่โกรธ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคนไทย กว่า 70 ล้านคน และขอให้ทุกคนช่วยส่งข้อมูลการทุจริตต่างๆเข้ามา พร้อมตรวจสอบ ยืนยันไม่ใครใช้อำนาจขัดนโยบายของรัฐบาลได้ รวมถึงเรื่องที่มีข้อมูลอ้างว่าผู้มีอำนาจสั่งรถตู้ขนแรงงานข้ามชาติเข้ามาในพื้นที่ ก็ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ใครจะมาใช้อำนาจแบบนั้น และเป็นเรื่องปกติที่ไม่สามารถทำให้ถูกใจคนทั้งหมดได้ แต่ขอความร่วมมือให้ทุกคนทำบ้านเมืองให้เกิดความปลอดภัย
นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ แต่อยู่ที่ความพร้อมที่จะรับมือ วันนี้รัฐบาลทำเต็มที่ พร้อมวางแผนบริหารจัดการเมื่อได้รับวัคซีนในอนาคต แต่ระยะนี้ต้องอยู่กับโควิด-19 ไปก่อน ผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ ส่วนการล็อกดาวน์ ก็ต้องดูสถานการณ์นับจากนี้
ทั้งนี้ ระหว่างการแถลงข่าว นายกรัฐมนตรี ไม่ทราบว่าจะมีการถ่ายทอดสด ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ NBT จึงไม่ได้ระมัดระวังคำพูด จนเจ้าหน้าที่ต้องต้องชูกระดาษว่ากำลังถ่ายสดอยู่ นายกรัฐมนตรีจึงได้ทักทายประชาชนใหม่ และย้ำให้ดูแลตัวเอง
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้หยุดให้สัมภาษณ์ที่โพเดียมใหม่ ที่มีการนำแผ่นอะคริลิค กั้นป้องกันการแพร่เชื้อ ซึ่งเป็นการทำขึ้นมาเพื่อให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย และป้องกันโควิด-19
ด้าน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยภายหลังการประชุม ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกลาโหม เป็นประธาน ว่า วันนี้ไม่มีคำว่าล็อกดาวน์ประเทศ ในที่ประชุม แต่เป็นการเตรียมความพร้อมรับมือการแพร่ระบาดรอบใหม่ โดยการแบ่งพื้นที่ตามสถานการณ์ 4 พื้นที่
ทั้งนี้ การจัดพื้นที่ดังกล่าวเป็นอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเป็นผู้พิจารณาว่าพื้นที่ในความรับผิดชอบของตัวเองอยู่ในกลุ่มใด
ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงการจัดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2564 ว่า ยังสามารถจัดได้ เพียงแต่ว่าการจัดงานวันเด็กที่มีผู้คนเดินทางมาจากพื้นที่หลากหลายจังหวัด พื้นที่สาธารณะ ไม่สามารถระบุที่มาของผู้ร่วมงานได้ขอให้งดการจัดงาน เช่นการจัดงานที่กระทรวงศึกษาธิการ การจัดงานของภาคเอกชน ที่ต้องเลื่อนออกไปก่อน รวมถึง
ส่วนการจัดงานวันเด็กในพื้นที่ชุมชน โรงเรียน ในพื้นที่ที่สามารถยืนยันว่าผู้ร่วมงานมาจากไหนก็ยังสามารถทำได้อยู่ โดยการจัดงานในโรงเรียนให้ขออนุญาติผ่านทาง สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ.
ส่วนสถานการร์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในโรงเรียน สถานศึกษา ณัฏฐพล เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการได้ควบคุมสถานการณ์ตามข้อมูลที่ได้รับในพื้นที่ ปัจจุบันมีโรงเรียนสังกัด สพฐ. ปิดการเรียนไปแล้ว 528 โรงเรียน อาชีวะ 20 วิทยาลัย ภาคเอกชน 220 โรงเรียน ฉะนั้นการสั่งปิดโรงเรียนจะเป็นไปตามมาตรการของ ศบค. และมาตรการต่างๆไม่ได้ครอบคลุมทั้งจังหวัด สามารถแยกแยะ ตรวจสอบได้เพราะมีข้อมูลว่านักเรียนมาจากที่ไหนและมีความเสี่ยงเท่าใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :