นายโภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทยจีน พร้อมด้วยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย และคณะทำงานได้รับเชิญจากสมาคมส่งเสริมมิตรภาพของสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อพบหารือและกระชับความสัมพันธ์กับผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในภาคส่วนเอกชนและรัฐวิสาหกิจการท่องเที่ยวของจีน ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างวันที่ 21 -23 ธันวาคมที่ผ่านมา
ประเด็นในการหารือครั้งนี้ทางผู้ประกอบการจีนยังคงมีความกังวลในเรื่องความปลอดภัยในการท่องเที่ยวที่ต่างๆ โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์เรือล่มที่จ.ภูเก็ตเมื่อช่วงเดือนต้นกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตกว่า 40 คน และทางรัฐบาลจีนได้มีการเตือนไปยังบริษัทท่องเที่ยวจีนที่พาทัวร์มาเที่ยวไทย ให้มีความระมัดระวังในการเดินทางมาท่องเที่ยวมากขึ้น จึงส่งผลให้บริษัททัวร์และนักท่องเที่ยวจีนมีความกังวลถึงการเข้ามาท่องเที่ยวในไทย
นอกจากนี้ทางผู้ประกอบการจีนยังระบุว่า ช่วงที่ผ่านมาพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนจีนเปลี่ยนไป คนจีนไปท่องเที่ยวด้วยตนเองมากขึ้น หรือที่เรียกว่า F.I.T (Free Individual Travelers) และต้องการแสวงหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่นอกเหนือไปจากกรุงเทพ พัทยา เชียงใหม่ และภูเก็ต ซึ่งส่งผลให้นักท่องเที่ยวหันไปเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น จึงอยากให้ทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพิ่มเส้นทางการท่องเที่ยวแห่งใหม่ให้มากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยยังเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวสนใจและต้องการมาท่องเที่ยวเป็นลำดับแรกๆในการตัดสินใจ
ทั้งนี้ทางฝ่ายผู้ประกอบการท่องเที่ยวจีน อยากให้ทางไทยพิจารณาการ 'ยกเว้นวีซ่า' เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวจีนที่ต้องการเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ซึ่งหากไทยได้ออกมาตรการยกเว้นวีซ่าจะทำให้นักเที่ยวเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 จากจำนวนตัวเลขในปัจจุบันที่นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวสูงถึง 10 ล้านคนต่อปี
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ภูเก็ตก่อให้เกิดปัญหาเรื่องความไม่มั่นใจในความปลอดภัยและปัญหาเรื่องความรู้สึกด้านจิตใจของนักเที่ยวจีน"
ด้านนายโภคิน นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน เปิดเผยถึงปัญหาของการท่องเที่ยวจีนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ว่า ทางภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของจีนมีความกังวลหลายประการกับเหตุการณ์เรือล่มที่เกิดขึ้นในไทยเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ประการแรก ได้แก่ เรื่องของความปลอดภัย ซึ่งทางจีนอยากให้เราใส่ใจและดูแลแก้ไขปัญหาอย่างเร็วที่สุด รวมถึงมีมาตรการสร้างความเชื่อมั่นในกรณีเกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติต้องมีมาตรการจัดการอย่างดีที่สุด เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของคนจีนกลับคืนมา
ประการที่สอง คือ เรื่องพฤติกรรมของการท่องเที่ยวของคนจีนที่เปลี่ยนไป เนื่องจากปัจจุบันคนจีนต้องการเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น ทำให้เป็นสาเหตุหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจีนลดลง แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากเราสามารถแก้ปัญหาในเรื่องวีซ่าได้ คนจีนที่จะเข้ามาไทยอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 15 ล้านคน
นอกจากนี้ นายโภคิน ยังกล่าวถึงกลยุทธ์การดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน ด้วยการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยผ่านศิลปินดาราที่คนจีนชื่นชอบ และในเรื่องประชาสัมพันธ์ทางด้านการท่องเที่ยว เราควรต้องจัดทำเป็นภาษาจีนเพิ่มเติมอีกหนึ่งภาษา เพื่อให้คนจีนมีความเข้าใจและสามารถค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวไทยได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น
ภายหลังการหารือ คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยมีตัวขับเคลื่อนหลายตัว 'การท่องเที่ยว' เป็นตัวจักรสำคัญหนึ่งที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และเป็นส่วนสำคัญที่จะฟื้นคืนเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและสามารถกระจายรายได้ลงไปถึงระดับรากหญ้าได้อย่างเร็วเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากเราสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว การแก้ปัญหาต่างๆด้านการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นให้ถูกจุดรวมไปถึงการสร้างผลติภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ เงินจากการท่องเที่ยวก็จะไหลเข้ามาในระบบเศรษฐกิจได้ทันทีและจะเป็นเงินที่กระจายลงไปชุมชนได้รวดเร็วที่สุด
ทั้งนี้ทางพรรคเพื่อไทยได้มีการหารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจีนทั้งภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจของจีนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ภูเก็ตก่อให้เกิดปัญหาเรื่องความไม่มั่นใจในความปลอดภัยและปัญหาเรื่องความรู้สึกด้านจิตใจของนักเที่ยวจีน นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องวีซ่าที่ยังคงเป็นปัญหาใหญ่และทางผู้ประกอบการจีนได้เรียกร้องให้มีการยกเว้นวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้ามาไทยด้วย
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวอีกว่า ทางพรรคมีประสบการณ์ในการจัดการปัญหาด้านการท่องเที่ยวใหญ่ๆมาแล้ว ในเหตุการณ์สึนามิในปี 2547 และพร้อมที่จะสร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว รวมไปถึงการสร้างแผนการจัดการเพื่อทำงานอย่างเป็นระบบตั้งแต่ในระดับจังหวัดจนถึงระดับกระทรวง เพื่อให้เกิดความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น
และในประเด็นเรื่องวีซ่าที่ทางผู้ประกอบการจีนเรียกร้องให้มีการยกเว้นนั้น คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ทางพรรคเพื่อไทยพร้อมผลักดันการยกเลิกวีซ่าระหว่างไทยและจีน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวจีนที่ต้องการเข้ามาเที่ยวไทย เนื่องจากปัจจุบันความต้องการเข้ามาท่องเที่ยวของคนจีนมีเพิ่มมากขึ้น แต่ยังติดปัญหาเรื่องการจัดการในการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย
นอกจากนี้การสร้างผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อกระจายการท่องเที่ยวลงสู่ชุมชนและหมู่บ้าน ไม่กระจุกตัวอยู่แต่ในเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ เป็นหนึ่งแนวทางในการแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวที่ลดลงจากความอิ่มตัวในการมาท่องเที่ยวประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนมีความต้องการสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆในการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการเรียนรู้วัฒนธรรมชุมชน นอกจากนี้การสร้างเทศกาลหรืองานอีเวนต์ตามเทศกาลประเพณีท้องถิ่นของไทยเป็นแนวทางหนึ่งในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในระดับชุมชนมากยิ่งขึ้น
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า ไทยจะต้องปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต่างๆที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยวในระดับชุมชนโดยเฉพาะกฎหมายที่พักในรูปแบบโฮมสเตย์ต่างๆ ซึ่งยังคงเป็นอุปสรรคในการกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนด้วย
นอกจากนี้ทางการจีนยังเชิญชวนให้ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก World Tourism Alliance (WTA) ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการท่องเที่ยวเอกชนของจีนและมีประเทศสมาชิกต่างๆ จากทั่วโลกอยู่ในความร่วมมือดังกล่าว เพื่อเป็นการยกระดับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยจีนด้วย