เวลา 13.00 น. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือเต้ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เดินทางมายังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เพื่อเข้าขอขมาผศ.วรวิทย์ จตุรพาณิชย์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร และ ผศ.สมชาย เวชกรรม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ หลังนายมงคลกิตติ์เคยกล่าวล่วงเกินผ่านโซเชียลมีเดียจนทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงมหาวิทยาลัย โดยมีศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบันและนักศีกษามารอดูนายมงคลกิตติ์

โดยนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า ต้นเหตุนั้นเกิดจากคลิปคลิปหนึ่ง ที่ตนได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2562 ในช่วงหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง ในตอนนั้นพรรคเพื่อไทย มีนโยบายลดทหาร ลดกำลังพล มีวิวาทะกันกับพรรคเพื่อไทย และมีการนำเสนอพูดเรื่องส่วนตัวของตนเอง ชีวิตวัยรุ่นที่เคยผ่านเรื่องทะเลาะวิวาทมา และอาจจะมีการกล้างอ้าวไปถึงสถาบัน ซึ่ง เรื่องนี้จบไปแล้ว และคลิปนี้หายไปนานแล้ว หลังจากพรรคไทยศรีวิไลย์ได้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ก็มีคลิปที่สื่อมวลชนฝั่งตรงข้ามรัฐบาลตัดต่อคลิปให้เหลือเพียง 2 นาทีจาก 1 ชั่วโมงกว่า ทำให้เนื้อหาคลาดเคลื่อน และทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนที่ตนอัดคลิปในลักษณะคล้ายนักเลง อย่าเรียกตนว่านักเลง และยอมรับว่าตอนนี้พรรคไทยศรีวิไลย์ไม่มีทุนหาเสียงเหมือนพรรคอื่นๆ ไม่มีทุนจะซื้อสื่อ ตนจึงเลียนแบบการพูดของ นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล ที่เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง และดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เพื่อสร้างกระแสให้คนสนใจและรู้จักพรรคของผมมากขึ้น

นายมงคลกิตติ์ ระบุว่า ส่วนตัวตั้งใจจะเล่าประสบการณ์ด้านลบของตนเอง ให้ทุกคนฟัง ตนเริ่มจากภาพลักษณ์ที่ดูแย่ คงจะไม่มีใครเกลียดตนไปมากกว่านี้ ส่วนหลังจากนี้ ภาพลักษณ์ของตนจะดีขึ้น ซึ่งใครที่จะไปลงชื่อถอดถอนตน ออกจากการเป็น ส.ส. ตนไม่ห้าม พร้อมยืนยันว่าตั้งแต่ตนอายุเกิน 18 ปีขึ้นไปก็ไม่ได้มีเรื่องชกต่อยานานแล้วกว่า 20 ปี

ขณะที่ศิษย์ปัจจุบันบางคนคนได้ถามนายมงคลกิตติ์ต่อหน้าสื่อมวลชน ว่า "คุณพูดว่าทะเลาะกันห้องอื่นทั้งที่ความเป็นจริงเราไม่เคยทะเลาะกันเลย คุณเป็น ส.ส. ถ้าคุณโกหกประชาชนตั้งแต่ตอนนี้แล้วจะไว้ใจคุณให้ทำงานในสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างไร"

ด้านนายมงคลกิตติ์ ได้ตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า ตนได้แถลงขอโทษไปแล้ว จึงไม่มีอะไรจะพูดอีก

จากนั้นนายมงคลกิตติ์ ได้เดินทางกลับด้วยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งระหว่างเดินทางมีกลุ่มศิษย์เก่าและปัจจุบันของ มจพ. มากัดรอที่ลานบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 ได้พากันเข้าขวางและล้อมรถยนต์ของนายมงคลกิตติ์พร้อมทั้งตะโกนด่าและโห่ใส่