วันที่ 27 ก.พ. ที่อาคารรัฐสภา ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน เผยถึงความคืบหน้าในการยื่นญัตติอภิปรายรัฐบาล โดยระบุว่า จากการพูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งที่แล้วเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา พรรคร่วมฝ่ายค้านก็ได้มีการพูดคุยกัน โดยค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จะเปิดอภิปรายทั่วไปปลายเดือน มี.ค. และในช่วงใกล้เคียงกันจะมีวาระ 2 ของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ซึ่งดูจากไทม์ไลน์แล้วคิดว่าอาจจะยังไม่มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจหรืออภิปรายทั่วไปในสมัยประชุมนี้
“ต้องบอกตามตรงว่าซักฟอกที่เป็นอภิปรายไม่ไว้วางใจโอกาสมีน้อยมากจริงๆ เพราะว่าต้องยอมรับว่ารัฐบาลก็เพิ่งมา ยังไม่ได้ใช้งบประมาณที่ตนเองเป็นคนจะทำเลยแม้แต่บาทเดียว ก็ต้องพูดตามตรงว่ามีงบประมาณจริงๆ ก็หลังจากเดือน พ.ค. ถึงจะใช้งบประมาณที่รัฐบาลจัดทำขึ้นมาเป็นครั้งแรก” ปกรณ์วุฒิ กล่าว
ปกรณ์วุฒิ ระบุต่อไปว่า ปลายเดือน พ.ค. ก็จะมีร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 คิดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนว่าตกลงแล้ว รัฐบาลจัดสรรงบประมาณที่ตัวเองใช้อำนาจเต็มอย่างไรบ้าง และมีเวลาอยู่เกือบ 1 ปีในการจัดทำงบประมาณ 2568 ว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ตนคิดว่าตอนนั้นข้อมูลทุกอย่างก็น่าจะค่อนข้างชัดเจนขึ้น ทั้งในเรื่องการดำเนินนโยบายและเป็นไปตามที่หาเสียงไว้หรือไม่ และเป็นไปตามยุทธศาสตร์หรือวิสัยทัศน์ที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายไว้หรือไม่ รวมถึงการตามมาซึ่งทุจริตคอร์รัปชันต่างๆ ที่เราจะตรวจสอบอย่างเข้มข้นต่อไป
เมื่อถามย้ำว่ายืนยันแน่นอนว่าไม่เปิดอภิปรายใช่หรือไม่ ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ยืนยัน 100% แต่ต้องยอมรับว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงนี้เป็นไปได้ยาก ส่วนการอภิปรายทั่วไป เราก็ยังพูดคุยกันอยู่ว่าถ้ายังไม่มีเรื่องงบประมาณด้วย ช่วงเวลาที่รัฐบาลทำงานอาจจะยังไม่ได้เยอะมากพอ หรือยังไม่มีประเด็นที่ใหญ่มากที่จะเปิดอภิปราย แต่หากมีประเด็น เราก็พร้อม สมมติเปิดวันเดียว เปิด 2 วันก็เปิดได้
ปกรณ์วุฒิ ยังกล่าวว่า ข้อมูลที่จะเปิดอภิปรายพอมีอยู่บ้าง แต่ต้องพูดคุยกับพรรคร่วมอื่นๆด้วยว่าเป็นประเด็นที่ใกล้เคียงกัน และเหมาะสมที่จะเปิดอภิปรายหรือไม่ มองว่าบางประเด็นก็สามารถใช้วิธีกระทู้สดถามในสภาได้
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องต่อเรื่องงบประมาณอย่างเดียวหรือไม่ เพราะมีเรื่องอื่นให้อภิปรายนอกเหนือจากการใช้งบด้วย ปกรณ์วุฒิ มองว่า งบประมาณเป็นเรื่องใหญ่ เราก็ไม่อยากเป็นฝ่ายค้านที่หยิบยกประเด็นที่ไม่ได้สลักสำคัญกับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนมาพูดให้มันเป็นเรื่องใหญ่มากจนเกินไป ตนคิดว่าเรื่องงบประมาณ การทุจริตคอร์รัปชัน เป็น 1 เรื่องที่สำคัญมากที่เราจะต้องตรวจสอบ ถ้าเป็นประเด็นการเมือง แล้วเราใช้โควตา โดยที่อาจจะต้องเว้นว่างไปอีก เราก็อาจจะต้องคำนึงดีๆ
เมื่อถามว่าจะไม่เป็นการใจดีกับรัฐบาลเกินไปหรือไม่ ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ถ้าเปิดแล้วไม่มีคุณภาพ ไม่เปิดดีกว่า เราใช้วาระทั่วไปเหมือนกระทู้สดที่ถามทุกสัปดาห์ก็ได้ ควรใช้เมื่อเหมาะสม และมีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์กับประชาชน
สำหรับเรื่อง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกมองว่าฝ่ายค้านไม่กล้าแตะ ปกรณ์วุฒิ ตอบกลับทันทีว่า เพิ่งถามกระทู้ไป ลำพังพรรคก้าวไกลเอง ถามไป 2 รอบแล้ว คิดว่าไม่ใช่เรื่องที่เราใจดีหรือโอนอ่อนอะไรไป ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล เวลาเราถามเราก็ต้องตั้งคำถามเรื่องของระบบ ว่าระบบนี้ ระเบียบนี้ เป็นธรรมกับทุกคนจริงๆ หรือไม่
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เห็นตรงกันหรือไม่ เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เห็นค่อนข้างตรงกันว่า ถ้าเป็นเนื้อหาสาระที่มีประโยชน์และเป็นข้อมูลที่หนักแน่นแล้ว ก็พร้อมจะเปิดอภิปราย
ส่วนการไม่เปิดอภิปรายจะสะท้อนไปถึงเสถียรภาพของฝ่ายค้าน ปกรณ์วุฒิ ระบุว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเราเห็นตรงกัน หากย้อนไปในฝ่ายค้านครั้งที่แล้ว การอภิปรายที่เป็นทางการจริงๆ คือปี 2564 ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อต้นปี 2563 เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งไม่ใช่เนื้อหาที่รัฐบาลปัจจุบันในขณะนั้นทำสะทีเดียว มันคือผลพวงที่มาจากการรัฐบาลประยุทธ์ 1 ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรม