วันที่ 25 ธ.ค. 2564 พิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์ ‘วอยซ์’ ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีข้อสั่งการให้กระทรวงและส่วนราชการหลายหน่วยงาน ดำเนินโครงการเพื่อมอบ ‘ของขวัญปีใหม่ 2565’ เพื่อเป็นกำลังใจแก่ประชาชน โดยระบุว่า ในภาพรวม การที่รัฐบาลให้ของขวัญประชาชนในปีใหม่ก็เป็นเรื่องทีดี แต่สิ่งที่ให้เป็นเรื่องซ้ำๆ เก่าๆ การแจกเงินอย่างเดียว สุดท้ายแล้วจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรกับเศรษฐกิจ ตอนนี้ประเทศไทยควรจะมองไปข้างหน้า
พิชัย มองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรตั้งทิศทางของประเทศให้ดี การแจกเงินอาจทำให้คนมีความสุขชั่วคราว แต่ประเทศก็จะเกิดหนี้ขึ้นมามากมาย ตอนนี้หนี้สาธารณะทะลุเกินเพดาน 60% หนี้ครัวเรือนก็ทะลุเป็น 14.24 ล้าน รวมทั้งคนตกงานอีก 8 แสน 7 หมื่นคน ตามตัวเลข ทั้งที่ความจริงมีคนตกงานเป็นล้านๆ คน การสร้างงานเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลมีนโยบายในการสร้างงานหรือไม่ และการแจกเงินอยู่ตอนนี้ช่วยแก้ปัญหาหรือไม่
ขณะที่บางเรื่องก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้ว เช่น โครงการ "สลาก 80 บาท" ซึ่งมอบให้เป็นของขวัญ แต่ความจริงเป็นหน้าที่ต้องขายสลากตามราคานี้อยู่แล้ว ไม่ควรถือว่าเป็นของขวัญ รวมทั้งราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นโดยตลอด และปัญหาเรื่องเงินเฟ้อในปีหน้า รัฐบาลได้วางแผนรับมือปัญหานี้หรือไม่
โดยพรรคเพื่อไทยได้เห็นปัญหาอย่างชัดเจนและเสนอแนะรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการทำวิจัยและวางแผนเพื่อรับมือปัญหาที่จะเกิดขึ้น ทั้งยังหวังว่าหากปีหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงให้เพื่อไทยเข้ามามีบทบาทในการบริหาร ก็มีความมั่นใจว่าสามารถแก้ไขปัญหาที่กล่าวถึงได้
พิชัย กล่าวว่า มาตรการมอบของขวัญปีใหม่ 2565 ของรัฐบาลนี้ เป็นเหมือนการหาเสียง เพราะตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เองความนิยมตกต่ำมาก พูดอะไรก็ผิดหมด จึงพยายามออกมาตรการนี้เพื่อให้ประชาชนรู้สึกดีขึ้น แต่คนอยากเห็นทิศทางของประเทศมากกว่า คนอยากมีงานทำ มีรายได้ที่มั่นคงถาวร มากกว่าการแจกเงินแค่ในช่วงนี้
"คุณแจกชั่วครั้งชั่วคราวให้คนมีความสุข แต่ถามว่าอยู่ไปได้ทั้งปีหรือไม่ จึงอยากฝากรัฐบาลว่าต้องคิดให้มากกว่านี้ การแจกก็สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ในคราวที่ลำบาก แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีทิศทางของประเทศที่ชัดเจน" พิชัยกล่าว
นอกจากนี้ พิชัย ตั้งคำถามว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันบริหารมา 7 ปี รายได้ประชาชนมากขึ้นหรือลดลง ค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือ GDP ของประเทศโตขึ้นเพียง 1% ต่อปีมาตลอด 7 ปี ดูเหมือนตัวเลขโตแล้ว ทว่าในมุมของนักเศรษฐศาสตร์จะมองเห็นได้ว่าไม่ได้โตเลย แล้วประเทศจะหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางอย่างไร ดังนั้นการคิดจะแจกเงินเพื่อรักษาความนิยมของตัวเองไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม
"คุณอาจจะทำให้ประชาชนมีความสุขชั่วคราว แต่ความสุขในอนาคตมันไม่มี คุณแลกมันกับความสุขปัจจุบัน เหมือนคุณยืมเงินลูกหลานไว้ อีกหน่อยลูกหลานโตมาก็ต้องมาชดใช้แทนปู่ย่าตายายที่ใช้อยู่ขณะนี้ ซึ่งผมว่ามันไม่ใช่ ต้องคิดอะไรมากกว่านี้" พิชัย ให้ความเห็น
พิชัย กล่าวว่า ตอนนี้ ของขวัญที่ พล.อ.ประยุทธ ควรจะมอบให้ประชาชนที่สุดก็คือ ท่านต้องลาออก แล้วให้คนที่มีความรู้ความสามารถมากกว่าท่านเข้ามาทำงานแทน ในมุมมองของตน 7 ปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่านายกรัฐมนตรีไม่มีความคิดที่จะปรับปรุงประเทศนี้ให้ดีขึ้นได้
ในขณะเดียวกัน เมื่อใดที่มีการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยจะเสนอแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ที่จะแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยควรจะก้าวพัฒนาไปให้ทันโลกได้อย่างไร ซึ่งรวบรวมจากแผนต่างๆ ที่เพื่อไทยเคยเสนอ การพัฒนาประเทศ ให้คนมีงานทำและมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยถนัดและทำมาตลอด จึงอยากขอให้ประชาชนเชื่อถือว่าพรรคเพื่อไทยสามารถทำได้แน่นอน
เมื่อถามว่าปีหน้า ประเทศไทยยังมีความหวังอยู่หรือไม่ พิชัย เผยว่า คาดหวังอย่างเดียวว่าจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า โดยเชื่อว่าหากไม่เปลี่ยนรัฐบาล ประเทศจะยิ่งทรุดลง ตอนนี้เราหมดหวังในทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมืองล้วนย่ำแย่ เพราะฉะนั้นความหวังของประเทศคือต้องเปลี่ยนรัฐบาล นำคนที่มีความรู้ความสามารถจริงเข้ามาบริหารก็จะสามารถฟื้นปัญหาเศรษฐกิจได้ เพราะข้อดีอย่างหนึ่งของประเทศไทยคือสามารถฟื้นตัวได้เร็ว ถ้ามีพรรคการเมืองและรัฐบาลที่เก่งพอ จะสามารถฟื้นฟูและเรียกคืนความมั่นใจได้เร็ว
จึงอยากขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งหมดหวัง ถ้าพรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้เข้ามาบริหารประเทศ เชื่อมั่นว่าหลักคิดของพรรค รวมทั้งทีมงานที่มีความสามารถ จะสามารถพาประเทศไทยให้เทียบเคียงกับประเทศอื่นได้แน่นอน
"การเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่ จะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนในปีหน้า" พิชัย ทิ้งท้าย