วันที่ 6 มี.ค. ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) พรรคประชาธิปัตย์ จัดงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ภายใต้แนวคิด 'ประชาธิปัตย์ = ประชาชน DEM FOR ALL' โดยถือเป็นพรรคการเมืองแรกที่เปิดตัวผู้สมัคร กมม. ครบทั้ง 33 เขต อย่างเป็นทางการ
โดย วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. กล่าวปราศรัยเป็นคนแรกว่า ที่ผ่านมา ได้ยินว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังจะแย่ กำลังเลือดไหล เป็นเหตุผลที่ตนต้องมายืนตรงจุดนี้ เพื่อบอกให้ทุกคนได้มั่นใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เพียงแต่เลือดที่ไหลออก แต่มีเลือดใหม่ อย่างตนและว่าที่ผู้สมัครทุกคนที่ไหลเข้ามา
การเปลี่ยนแปลงต้องมีการสูญเสียเป็นเรื่องปกติ ประชาธิปัตย์ก็เป็นเช่นนั้น และทำให้เห็นว่า อุดมการณ์และความเป็นสถาบันทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมมีอยู่เหนือตัวบุคคล และเป็นเหตุผลที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ยังสามารถดำรงอยู่คู่คนไทยมาถึง 77 ปี ในวันนี้ที่พวกเรามานั่งกันตรงนี้ มาอยู่พร้อมกันตรงนี้ เพราะเรามีประชาชนเป็นที่ตั้ง
ด้าน สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. กล่าวว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ผ่านกระบวนการฟังคิดทำ โดยยกปัญหา PM 2.5 ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาน้ำทะเลหนุนสูง ความต้องการเรียนฟรีตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงปริญญาตรี ซึ่งตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ไม่มีใครสนใจ
พรรคประชาธิปัตย์ เจ็บปวดไม่น้อยกว่าพี่น้องประชาชน เลือกตั้งครั้งก่อนไม่ได้ ส.ส.ในพื้นที่กรุงเทพฯ แม้แต่คนเดียว บ้านของพรรคประชาธิปัตย์คือกรุงเทพฯ โดยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 33 เขต คือตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ เราไม่หนีไปไหน เราอยู่มา 77 ปี และจะคงอยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นของประชาชน โดยประชาชน และอยู่เพื่อประชาชนตลอดไป
"วันนี้พิสูจน์แล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์เกิดมาเพื่อประชาธิปไตย การเลือกครั้งนี้สำคัญ จึงขอให้พี่น้องร่วมกับเราพาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 33 คนกลับบ้าน"
จากนั้น องอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. กล่าวปราศรัยโดยระบุว่า ผู้สมัครทั้ง 33 คน มีความรู้ ความสามารถ และคุณสมบัติที่พรรคได้พิจารณามาอย่างเหมาะสม ไม่ได้เพียงจบปริญญาตรี โท เอก แต่สิ่งที่ทุกคนมีตลอดมาคือ ทุกคนล้วนมีอุดมการณ์ตามแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์
ประกอบด้วย 1) ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 2) ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 3) ทุกคนในพรรคล้วนยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต และ 4) ยึดมั่นในหัวใจที่รับใช้ประชาชน เพราะประชาธิปัตย์มีรากฐานคือประชาชน
ตามด้วย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปราศรัยปิดท้าย โดยย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อม และเปิดตัวผู้สมัครใน กทม. เสร็จสิ้นเป็นพรรคแรก ต้องขอบคุณพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ที่ไม่เคยทอดทิ้งพรรค นับตั้งแต่วันก่อตั้ง 6 เม.ย. 2489 มี ส.ส.พระนคร และ ส.ส.ธนบุรี เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคมา ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์กับคนกรุงเทพฯ จึงเป็นสายเลือดเดียวกัน
"ประชาธิปัตย์มาจนถึงวันนี้มีอายุ 77 ปี มีหัวหน้าพรรคมาแล้วจนถึงนายจุรินทร์ รวม 8 คนด้วยกัน เป็นคนกรุงเทพฯ 4 คน ในการเลือกตั้งทั่วไป 15 ครั้ง ไม่มีครั้งไหนที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มี ส.ส.กทม.เลยแม้แต่ครั้งเดียว ยกเว้นคราวที่แล้ว แต่นั่นไม่ได้แปลว่าคนกรุงเทพฯ ทิ้งประชาธิปัตย์ เพราะถ้าไปดูคะแนนรวมกันในการเลือกตั้งปี 2562 ที่ผ่านมา มีถึง 400,000 กว่าคะแนน"
จุรินทร์ ยังเผยว่า เมื่อตนลงพื้นที่ มีชาวบ้านหลายคนเข้ามาบอกว่า ขอโทษด้วย คราวที่แล้วไม่ได้เลือกประชาธิปัตย์ แต่เที่ยวหน้าจะเลือกแน่นอน แปลว่าจิตวิญญาณของประชาธิปัตย์ในกรุงเทพฯ กำลังย้อนกลับมา เช่นเดียวกับหลายภูมิภาคทั่วประเทศ ที่ประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อม อีกทั้งกรุงเทพฯ ยังเป็นลมหายใจของพรรค จึงไม่เคยทอดทิ้งคนกรุงเทพฯ จึงมั่นใจว่าคนกรุงเทพฯ จะไม่ทอดทิ้งพรรค จึงต้องมาขอบคุณสิ่งที่ชาวกรุงเทพฯ มอบให้ ด้วยหัวใจคารวะอย่างแท้จริง
"ผู้สมัครทั้ง 33 คน มีศักยภาพ ได้มาตรฐานพรรคประชาธิปัตย์ และมาตรฐานของกรุงเทพฯ ล้านเปอร์เซ็นต์ หลายคนเป็นเลือดใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่การเมืองเป็นครั้งแรก ใครบอกประชาธิปัตย์ไม่มีเลือดใหม่ อย่างน้อยมี 14 ถัง ที่เป็นเลือดใหม่ทั้งหมด ประชาธิปัตย์กำลังพาการเมืองเข้าสู่การเมืองยุคใหม่ คือการเมืองที่ให้โอกาสสตรี โดยในผู้สมัครรุ่นใหม่ มีผู้หญิงไปแล้ว 9 คนด้วยกัน"
จุรินทร์ ยังย้ำว่า ประชาธิปัตย์กำลังเปลี่ยน อะไรไม่ดีก็ต้องเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยนไป ทิศทางการแก้ปัญหาก็ต้องเปลี่ยน โลกหมุนไป ประชาธิปัตย์ก็ต้องหมุนตาม ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันโลก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ อุดมการณ์ประชาธิปัตย์ มุ่งสร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองอันยั่งยืนชั่วลูกหลาน ไม่ใช่พรรคที่มาแล้วไป สร้างประชาธิปไตยสุจริต และประชาธิปไตยท้องอิ่ม สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น
"สนับสนุนให้แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ต้องไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 ที่สำคัญประชาธิปัตย์ไม่ยกเลิกมาตรา 112 เพราะนี่คือบทคุ้มครองประมุขของประเทศ ที่ทุกประเทศเขาต้องมีไว้คุ้มครองประมุขของตัวเองทั้งนั้น ไม่มียกเว้นหรอกครับ" จุรินทร์ กล่าว
โดยรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ทั้ง 33 เขต มีดังนี้
เจิมมาศ จึงเลิศศิริ เขต 1
อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ เขต 2
อภิมุข ฉันทวานิช เขต 3
พงศกร ขวัญเมือง เขต 4
ธนา ชีรวินิจ เขต 5
ศิริภา อินทวิเชียร เขต 6
ภูเบศร์ อภัยวงศ์ เขต 7
แทนคุณ จิตต์อิสระ เขต 8
พล.ต.ต.ดร.วิชัย สังข์ประไพ เขต 9
ธัญญ์นิธิ ชวรัตน์นิธิโชติ เขต 10
วัทธิกร หรุ่นศิริ เขต 11
ปราณี เชื้อเกตุ เขต 12
ประพฤติ ฉัตรประภาชัย เขต 13
พันธ์พิสุทธิ์ นุราช เขต 14
สุนันท์ มีนมณี เขต 15
เกศกานดา อินช่วย เขต 16
ณัฐิดา เตาเฟ็ส เขต 17
สุพจน์ ฤกษ์ดี เขต 18
กิตพล เชิดชูกิจกุล เขต 19
จักรวี วิสุทธิผล เขต 20
สุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ เขต 21
วิลาศ จันทร์พิทักษ์ เขต 22
สุภัสสรา ธงไชย เขต 23
ชยิน พึ่งสาย เขต 24
สากล ม่วงศิริ เขต 25
วณิชชา ม่วงศิริ เขต 26
วัชระ เพชรทอง เขต 27
ฮารูน มูหมัดอาลี เขต 28
ธนูชยานันท์ ปั้นบริสุทธิ เขต 29
สุรภา ประยงค์ระวิกูล เขต 30
นพ.พลวิทย์ เจริญพงศ์ เขต 31
ธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ เขต 32
และ ชนินทร์ รุ่งแสง เขต 33