วันที่ 11 ม.ค. ชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความคิดเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ไปจับขั้วตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ภายหลังจากการเลือกตั้งที่กำลังมาถึงนี้ว่า ถือเป็นความเห็นหนึ่งของนายสาทิตย์ ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์การเมืองมายาวนาน และโดยข้อเท็จจริงก็ชัดเจนว่า ทั้งสองพรรคถือเป็นขั้วหลักทางการเมืองในช่วงระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา เพราะแนวคิด วิธีปฏิบัติ การดำเนินนโยบายก็แตกต่างกัน เปรียบเหมือนกับขมิ้นกับปูน
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ ทางพรรคฯ ก็ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่า ควรให้ประชาชนตัดสินใจเสียก่อนในการเลือกตั้ง เพราะเห็นว่า เมื่อเข้าสู่สนามการเลือกตั้งแล้ว ทุกพรรคก็จะตั้งต้นด้วยการไม่มี ส.ส. ซึ่งทุกพรรคจะต้องเสนอนโยบายและลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อโน้มน้าวใจให้ประชาชนตัดสินใจเลือกผู้สมัครและพรรคการเมืองที่ดีสุด
ทั้งนี้ การที่ประกาศไปก่อนล่วงหน้าว่า จะจับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ ประชาชนอาจจะเข้าใจได้ว่า เลือกใครไปก็เหมือนกัน เพราะมาจากขั้วเดียวกัน ทั้งๆ ที่ แต่ละพรรคต่างมีนโยบายที่ไม่เหมือนกัน และมีข้อแตกต่างกันในการทำงาน รวมทั้ง ถือเป็นการตอบคำถามแทนประชาชนไปล่วงหน้า
ดังนั้น ตนเห็นว่า หลักการที่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตอบคำถามเรื่องการจับขั้วหลายครั้งว่า ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ให้คำตอบก่อน เพราะประชาชนคือคนแรกที่จะเป็นคนบอกว่ารัฐบาลชุดใหม่หน้าตาเป็นอย่างไร ใครจะเป็นฝ่ายค้าน ใครจะเป็นรัฐบาล นั้น ถือเป็นแนวทางที่ดีสุดในสถานการณ์ที่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใกล้เข้ามาทุกขณะ รวมทั้ง ยังเป็นการรักษาหลักการของประชาธิปไตยที่เน้นเสียงของประชาชนเป็นใหญ่อีกด้วย
“ผมเคารพในการแสดงความเห็นของ สาทิตย์ เพราะถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองและมองถึงอนาคตภายหน้า รวมทั้ง ก็ได้แสดงความรับผิดชอบไปแล้วว่า เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว ทั้งนี้ การที่พรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ได้ระบุเรื่องการจับขั้วกับพรรคการเมืองภายหลังจากการเลือกตั้งเหมือนกับพรรคอื่นๆ ที่ได้ประกาศไปล่วงหน้าแล้วนั้น เนื่องจาก มีบทเรียนมาแล้วว่า การตัดสินใจโดยไม่ฟังเสียงประชาชนในวันเลือกตั้ง ทำให้เกิดผลกระทบมากมายทางการเมือง แต่อย่างไรก็ตาม ทางพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้บอกจุดยืนต่อประชาชนให้รับทราบมาตลอดว่า เป็นพรรคที่ดำเนินการตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่สนับสนุนการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการบั่นทอนพระเกียรติยศขององค์พระประมุขและความมั่นคงของชาติ รวมทั้ง ไม่สนับสนุนการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งก็น่าจะเพียงพอให้ประชาชนทราบแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ ยืนอยู่ตรงจุดไหนในสนามการเลือกตั้งในอนาคตอันใกล้นี้” ชัยชนะกล่าว