วันที่ 2 ม.ค. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสาธารณรัฐไต้หวันที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 ม.ค. นี้ ภายหลัง ไช่ อิงเหวิน (Tsai Ing-wen) จะหมดวาระลง 

โดยทั่วโลกต่างจับตาว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นจุดชี้ชะตาอำนาจอธิปไตยของไต้หวัน หรือการสนองรับนโยบายจีนเดียวกับแผ่นดินใหญ่ หลัง โจเซฟ หวู่ (Joseph Wu) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันแสดงท่าทีกังวลต่อการคาดการณ์ถึงการสู้รบของจีน และไต้หวันในปี 2027 

ปานปรีย์ กล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทยเรารับนโยบายจีนเดียวอยู่แล้ว และการที่สาธารณรัฐไต้หวันจะมีการเลือกตั้งก็คงต้องรอผลการเลือกตั้งต่อไป แต่ในส่วนของจีน เราได้มีการอนุมัติฟรีวีซ่าให้แก่คนไทยที่จะเดินทางไปประเทศจีนอีกด้วย 

ปานปรีย์ กล่าวอีกว่า การอนุมัติฟรีวีซ่าดังกล่าวเป็นผลมาจาการที่ตนได้เดินทางไปประเทศจีน เพื่อร่วมประชุมแม่โขง-ล้านช้าง ซึ่งได้หารือเรื่องนี้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน นอกจากนี้ในช่วงต้นเดือนหน้าจะเดินทางไปยังประเทศจีนอีกครั้งเพื่อลงนามในข้อตกลงร่วมกัน 

สำหรับท่าทีของสหรัฐอเมริกาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันจะส่งผลกระทบต่อไทยหรือไม่ เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้มีอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะไต้หวัน 

ปานปรีย์ กล่าวว่า เป็นแนวคิดของนักการเมืองไต้หวันแต่ละพรรคว่าจะมีท่าทีกับจีนอย่างไร และให้ความสำคัญกับคนที่ประชาชนเลือกมา ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องส่งทางการไทยไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในไต้หวัน พร้อมย้ำสั้นๆ ว่า “เรื่องของเขา เราไม่ยุ่ง”