ไม่พบผลการค้นหา
ซาอุดีอาระเบียสั่งขับทูต หยุดลงทุนในแคนาดา ระงับเที่ยวบิน เรียกนักศึกษากลับประเทศ ตอบโต้แคนาดาเรียกร้องปล่อยตัวหญิงนักเคลื่อนไหวที่ถูกคุมขัง นักวิเคราะห์ชี้แคนาดากลายเป็นตัวอย่างเตือนตะวันตกไม่ให้ยุ่งกับกิจการภายในของซาอุดีอาระเบีย

เหตุการณ์งัดข้อกันทางการทูตระหว่างซาอุดีอาระเบียและแคนาดาเริ่มขึ้นเมื่อคริสเตีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา ทวีตเรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียปล่อยตัวซามาร์ บาดาวี นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรี ตามมาด้วยทวีตของกระทรวงต่างประเทศแคนาดาที่เรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียปล่อยตัวนักกิจกรรมที่ทางการคุมขังไว้ 

ขณะที่ ซาอุดีอาระเบียแสดงปฏิกิริยาอย่างรุนแรง โดยรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบียบอกว่า การกระทำของแคนาดาเป็นการก้าวก่ายกระบวนการทางกฎหมายและยุติธรรมของซาอุดีอาระเบียครั้งใหญ่ จากนั้น ได้เรียกทูตของตนกลับประเทศ พร้อมทั้งประกาศให้เวลาทูตแคนาดา 24 ชั่วโมงในการเก็บของออกจากซาอุดีอาระเบีย

นสพ.โกลบแอนด์เมลของแคนาดารายงานว่า ทางการซาอุดีอาระเบียยังสั่งระงับการค้าและการลงทุนใหม่ๆ ระงับเที่ยวบินของซาอุดีอาระเบียไปยังแคนาดา เรียกนักศึกษาจำนวน 1,600 คนที่รัฐบาลให้ทุนเรียนที่แคนาดากลับประเทศ สั่งยกเลิกการซื้อธัญพืชจากแคนาดา นอกจากนั้น ยังมีรายงานข่าวว่า มีคำสั่งให้ธนาคารแห่งชาติซาอุดีอาระเบียตลอดจนกองทุนบำนาญขายทรัพย์สินที่เป็นของแคนาดาด้วย

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดซาอุดีอาระเบียออกมายืนยันว่า จะไม่ยกเลิกหรือลดการขายน้ำมันให้กับแคนาดา ทำให้หลายฝ่ายเริ่มเห็นว่า การตอบโต้ของซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ยังมีเพดานอยู่บ้าง

มีนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีในซาอุดีฯ ถูกจับแล้ว 15 รายตั้งแต่ พ.ค. ที่ผ่านมา

บีบีซีรายงานว่า มีตัวเลขจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติที่ระบุว่า ตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา มีนักเคลื่อนไหวเพิื่อสิทธิสตรีในซาอุดีอาระเบียถูกจับกุมไปแล้ว 15 คน ล้วนแล้วแต่เป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมือง หลายคนถูกกล่าวหาว่าก่อความผิดร้ายแรงเช่นติดต่อกับต่างชาติและอาจถูกลงโทษจำคุกถึง 20 ปี

การจับกุมทั้งหมดนี้ดูคล้ายกับจะสวนทางกันกับสิ่งที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบียทรงดำเนินการก่อนหน้า คืออนุญาตให้ผู้หญิงขับรถ รวมทั้งยอมให้มีการเปิดโรงภาพยนตร์ แต่ความจริงอีกด้านก็คือ มีการดำเนินคดีกับผู้คนอีกเป็นจำนวนมากที่ท้าทายอำนาจรัฐ ไม่ว่าการจับกุมนักบวช ปัญญาชน นักธุรกิจหรือแม้กระทั่งสมาชิกราชวงศ์ด้วยกัน

วอชิงตันโพสต์ระบุว่า อันที่จริงนี่ไม่ใช่หนแรกที่แคนาดาวิพากษ์วิจารณ์ซาอุดีอาระเบีย และไม่ใช่ครั้งแรกเช่นกันที่ซาอุดีอาระเบียถูกวิจารณ์เรื่องสิทธิมนุษยชน ในอดีตซาอุดีอาระเบียไ่ม่มีปฏิกิริยามากเท่านี้ นักสังเกตการณ์บอกว่า นับตั้งแต่ที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานทรงมีอำนาจเต็มที่ ซาอุดีอาระเบียก็เริ่มตอบโต้ต่างประเทศแบบทันควันและร้อนแรง กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนมองว่า การจับกุมกลุ่มนักเคลื่อนไหวสตรีเหล่านี้เป็นการส่งสัญญาณว่า ทางการจะไม่ทนกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง

ในขณะที่วอชิงตันโพสต์ระบุว่า กรณีขัดแย้งกับแคนาดานี้ย้ำให้เห็นการดำเนินนโยบายต่างประเทศของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ซึ่งแม้ว่าจะได้รับความชื่นชมจากหลายๆ ฝ่ายที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงมากขึ้น แต่อีกด้านเจ้าชายก็ทรงนำประเทศเข้าสู่กับดักของปัญหาการเมืองระหว่างประเทศหลายเรื่อง เช่น เข้าไปมีบทบาทในสงครามกลางเมืองในเยเมนและ และมีปัญหากับกาตาร์ ซึ่งซาอุดuอาระเบียกำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะหาทางออก

ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว มีกรณีอันแปลกประหลาดที่ซาอุดีอาระเบียคุมตัวผู้นำเลบานอน นายกรัฐมนตรีซาอัด ฮารีรีแล้วบีบให้เขาประกาศลาออก เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนีวิจารณ์เรื่องนี้ ซาอุดิอาระเบียก็เรียกทูตเยอรมันเข้าพบเพื่อประท้วง โดยระบุว่า การเข้าไปมีบทบาทในเรื่องเยเมนนั้นเป็นเรื่องจำเป็น เพราะกลุ่มกบฏในเยเมนเอนเอียงไปทางอิหร่าน ซึ่งเป็นคู่แข่งของซาอุดีอาระเบีย

ชี้นโยบายต่างประเทศซาอุดีอาระเบียเปลี่ยนแปลงเร็วจนคาดเดายาก

นักสังเกตการณ์ชี้ว่า ในช่วงสามปีที่ผ่านมา รัฐบาลซาอุดีอาระเบียมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศอย่างรวดเร็วจนยากจะคาดเดาได้ คริสเตียน อูริสเซนแห่งสถาบันเบเคอร์ มหาวิทยาลัยไรซ์ชี้ว่า การตอบโต้แคนาดาเป็นการส่งสัญญาณเตือนประเทศตะวันตกที่มักจะออกมาวิจารณ์ซาอุดีอาระเบียเนืองๆ ให้หยุดทำเช่นนั้น และซาอุดีอาระเบียเลือกที่จะทำเช่นนี้กับแคนาดา เพราะการตอบโต้แคนาดามีต้นทุนน้อยกว่าการตอบโต้ประเทศอย่างสหรัฐฯ หรืออังกฤษมาก

สำหรับแคนาดา ซาอุดีอาระเบียเป็นคู่ค้าอันดับสองในภูมิภาค สินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นรถยนต์และอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในจำนวนสัญญาค้าขายนี้มีสัญญาที่ซาอุดีอาระเบียจะซื้อรถหุ้มเกราะขนาดเบาจากแคนาดารวมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นข้อตกลงเดิมที่สานต่อมาจากการริเริ่มของรัฐบาลที่แล้วของแคนาดาที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักด้วยความเป็นห่วงว่า ซาอุดีอาระเบียจะนำอาวุธดังกล่าวไปดำเนินการที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดายืนยันว่าเขาต้องสานต่อข้อตกลงเดิม แต่การที่รัฐบาลใหม่ไม่ยอมถอยในเรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นถึงเดิมพันทางการเมืองของนายทรูโดเช่นกัน

นักวิเคราะห์บางคนอ่านเรื่องนี้ไปไกลถึงขั้นมองอิทธิพลของสหรัฐฯ ด้วย เบสมา โมมานี นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยวอเตอร์ลูเห็นว่า ความเคลื่อนไหวของซาอุดีอาระเบียครั้งนี้อาจจะได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลนายทรัมป์ของสหรัฐฯ ด้วยก็เป็นได้ โดยเธอกล่าวว่า นายทรัมป์ ซึ่งพัฒนาความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับซาอุดีอาระเบียนั้นมีปัญหาไม่ลงรอยกับนายกรัฐมนตรีทรูโดของแคนาดา เรื่องการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ หรือนาฟตา นายทรัมป์วิจารณ์ผู้นำแคนาดาอย่างเปิดเผยว่า ไม่ซื่อตรงและอ่อนแอ นอกจากนี้ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานทรงสนิทสนมกับลูกเขยของนายทรัมป์ จาเรท คุชเนอร์ด้วย

ความสัมพันธ์ของแคนาดากับซาอุดีอาระเบียเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าซาอุดีอาระเบียจะยืนยันว่าจะไม่ตอบโต้เลยเถิดไปถึงการไม่ขายน้ำมันให้แคนาดา แต่ยังยืนกรานว่าจะยังคงมาตรการอื่นๆ ไว้ต่อไป ตราบเท่าที่แคนาดายังไม่ถอนคำพูด แต่นายกรัฐมนตรีทรูโดของแคนาดายืนยันว่า แคนาดาจะต่อสู้เพื่อสนับสนุนสิทธิมนุษยชนทั่วโลก

เว็บไซต์เดอะสตาร์ นสพ.ของแคนาดาสัมภาษณ์นักวิเคราะห์ซีกแคนาดารวมไปถึง โรลอง ปารีส อดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งกล่าวว่าปัญหาระหว่างสองประเทศนี้คงจะต้องใช้เวลาในการคลี่คลาย เนื่องจากการตอบโต้ที่รุนแรงของซาอุดีอาระเบียทำให้ยากที่จะแก้ปัญหาได้โดยเร็ว และเห็นได้ชัดว่า เจตนาของซาอุดีอาระเบียคือต้องการใช้แคนาดาเป็นตัวอย่างเตือนประเทศอื่นๆ ไม่ให้ข้องแวะกับกิจการภายในของตน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: