ซาอุดีอาระเบียเปิดฉายภาพยนตร์แบบสาธารณะเชิงพาณิชย์ครั้งแรกในรอบ 35 ปี ซึ่งหมายความว่าโรงภาพยนตร์จะไม่แยกเพศของผู้เข้าชมอีกต่อไป เป็นผลจากที่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์ซาอุดีประกาศยุติคำสั่งแบนโรงภาพยนตร์สาธารณะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปสังคมและวัฒนธรรมซาอุดีอาระเบียให้ทันสมัยขึ้น
ซาอุดีอาระเบียได้เปลี่ยนอาคารแสดงคอนเสิร์ตซิมโฟนีในกรุงริยาดมาเป็นโรงภาพยนตร์ โดยงานพรมแดงเปิดโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้เชิญเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล คณะทูตจากประเทศต่างๆ รวมถึงคนดังในวงการต่างๆ ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถไปดูภาพยนตร์สาธารณะได้ตั้งแต่วันนี้ (20 เม.ย.) เป็นต้นไป
ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้เข้าฉายบนจอภาพยนตร์กว้าง 45 ฟุต คือเรื่อง Black Panther ของค่ายมาร์เวล แต่เป็นเวอร์ชั่นเดียวกับที่ฉายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และคูเวต ที่มีการตัดฉากจูบ 2 ฉากในภาพยนตร์ออกไป
เว็บไซต์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า ที่ผ่านมา กลุ่มผู้นำศาสนาอิสลามในซาอุดีอาระเบียประณามว่าโรงภาพยนตร์ที่เปิดให้บริการเพื่อการค้าพาณิชย์ เป็นตัวการให้เกิดความเสื่อมทรามทางศีลธรรม เพราะไม่มีการแยกพื้นที่ของชายและหญิง ทั้งยังเป็นต้นทางเผยแพร่วัฒนธรรมต่างแดนที่ขัดแย้งต่อคำสอนของศาสนา
ก่อนหน้านี้ นายอะวาด บิน ซาเลห์ อะลาวาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและสารสนเทศ เปิดเผยแผนของรัฐบาลซาอุอาระเบียที่ตั้งเป้าว่าจะเปิดสถานประกอบการภาพยนตร์ ให้ได้อย่างน้อย 300 แห่งภายในปี 2030 โดยจะมีจำนวนจอฉายภาพยนตร์ประมาณ 2,000 จอ และต้องเพิ่มตำแหน่งงานในประเทศให้ได้ 30,000 งาน รวมถึงเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจราว 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7.92 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้กำกับภาพยนตร์ในซาอุดีอาระเบียแย้งว่า การเปิดโรงภาพยนตร์ในยุคนี้อาจไม่ใช่เรื่องน่าสนใจอีกต่อไป เพราะเป็นยุคที่คนรุ่นใหม่เลือกดูภาพยนตร์และสื่อบันเทิงจากยูทูบและช่องทางอื่นๆ ในอินเทอร์เน็ตมากกว่าใช้บริการโรงภาพยนตร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: