สหประประชาชาติเสนอของบประมาณประจำปี 2018 จากผู้บริจาค โดยของบประมาณสำหรับช่วยเหลือทางมนุษยธรรม 22,500 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 730,000 ล้านบาท ซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยนายมาร์ก โลว์ค็อก รองเลขาธิการสหประชาชาติ ด้านกิจการมนุษยธรรมและผู้ประสานงานบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินกล่าวว่า ปี 2018 จะมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากยูเอ็นมากขึ้นว่าที่เคยเป็น เพราะสงครามและภัยพิบัติทางธรรมชาติทำให้ต้องใช้เงินมากกว่าเดิม
ยูเอ็นระบุว่า งบช่วยเหลือทางมนุษยธรรมที่เสนอสำหรับปี 2018 นี้จะสามารถช่วยเหลือคนได้มากถึง 91 ล้านคนที่ยูเอ็นเห็นว่าเป็นกลุ่มคนที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด แต่มีการประเมินว่า ในปี 2018 จะมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือเกือบ 136 ล้านคนใน 26 ประเทศ ซึ่งมากกว่าการประเมินของปีที่ผ่านมาร้อยละ 5
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า ยูเอ็นน่าจะไม่สามารถขอเงินบริจาคได้ตามเป้าที่เสนอไป เนื่องจากงบช่วยเหลือทางมนุษยธรรมปี 2017 ที่เคยเสนอไป 22,200 ล้านดอลลาร์ แต่ได้รับเงินบริจาคจริงๆ เพียง 13,000 ล้านเท่านั้น
นายโลว์ค็อก ระบุว่า เยเมนมีแนวโน้มว่าจะเกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุด โดยประเมินว่า น่าจะมีคน 7-8 ล้านคนที่เสี่ยงประสบภาวะขาดแคลนอาหารขั้นรุนแรง นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้กองทัพพันธมิตร ซึ่งนำโดยซาอุดีอาระเบีย ถอนกำลังปิดล้อมเยเมนทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมด้านมนุษยธรรมที่จะทำให้คนหลายล้านต้องเสียชีวิต อย่างที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบหลายทศวรรษ
ยูเอ็นแจกแจงว่า การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในเยเมนเพียงประเทศเดียวต้องใช้งบปรมาณมากถึง 2,500 ล้านดอลลาร์แล้ว ขณะที่ซีเรียก็ต้องใช้งบอีกถึง 3,500 ล้านดอลลาร์ในการช่วยเหลือคนภายในประเทศซีเรีย ทั้งยังต้องใช้งบอีก 4,160 ล้านดอลลาร์เพื่อผู้ลี้ภัยกว่า 5,300,000 คนและชุมชนที่รับผู้ลี้ภัยเหล่านั้น รวมงบที่ต้องทุ่มให้ซีเรียทั้งหมดถึง 7,660 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ สถานการณ์ความรุนแรงในไนจีเรีย เซาท์ซูดาน และรัฐยะไข่ของเมียนมา ทำให้ต้องการความช่วยเหลือมากขึ้น
ในขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งและความรุนแรงในหลายประเทศอย่างอัฟกานิสถาน อิรัก และยูเครนจะดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนๆ แต่ประเทศเหล่านี้ก็ยังต้องการความช่วยเหลืออยู่มากเช่นกัน