ปี 2016-2017 เป็นปีแห่งความพลิกผันทางการเมือง เริ่มจากการประชามติ Brexit ต่อด้วยชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ปี 2017 ทั้งปี มีแต่เรื่องเหนือเหตุผลและเหนือความคาดหมาย ด้วยเหตุนี้ ในปี 2018 สื่อหลายสำนักจึงหันไปหาตัวเลือกที่ไม่ต้องใช้เหตุผลมากนักอย่าง "นักพยากรณ์" เพื่อดูว่าโลกในปี 2018 ต้องเจอกับอะไรบ้าง
เครก แฮมิลตัน พาร์กเกอร์ ผู้ที่เรียกตัวเองว่า "ผู้หยั่งรู้" เป็นคนที่มีชื่อเสียงจากการทำนายทายทักว่าจะเกิดเหตุพลิกผันหลายครั้งในการเมืองโลก เขาเคยทายว่าอังกฤษจะต้องออกจากสหภาพยุโรป และโดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งในตอนนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ แต่เมื่อทั้งสองคำทำนายเป็นจริงขึ้นมา พาร์กเกอร์จึงกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน
สำหรับปี 2018 พาร์กเกอร์ทำนายว่าจะเกิดเหตุการณ์ 8 สิ่งขึ้น เขาอ้างว่าหยั่งรู้จากญาณของตนเอง แต่หากพิจารณาให้ดี 8 สิ่งนี้ล้วนแต่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้น หากวิเคราะห์จากเทรนด์การในปีที่ผ่านมา
1.ก่อการร้าย
เครื่องบินกองทัพอิรักทิ้งระเบิดโจมตีฐานที่มั่นของ IS ในเมืองโมซูล ก่อนจะยึดเมืองคืนจาก IS ได้สำเร็จ และนายกฯอิรักประกาศชัยชนะเหนือ IS เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
สิ่งแรกที่พาร์กเกอร์บอกว่าโลกจะต้องเผชิญในปี 2018 คือการก่อการร้าย คำทำนายนี้ฟังดูกำปั้นทุบดิน ในเมื่อการก่อการ้ายเป็นภัยคุกคามที่โลกเผชิญอยู่แล้ว แต่เขายืนยันว่าปี 2018 จะมีการก่อการร้ายเพิ่มขึ้น ถือว่าน่าสนใจ เพราะปี 2017 เป็นปีที่การปราบปราม IS เดินหน้าไปอย่างเข้มข้นและได้ผลในการขจัดการยึดครองของ IS ในซีเรียและอิรัก แต่กลับทำให้นักรบที่อยู่ในซีเรีย กระจายตัวไปยังยุโรป หรือกลับไปยังบ้านเกิด และคนเหล่านี้ก็เริ่มการก่อการร้ายในบ้านตัวเอง ซึ่งในปี 2017 เราได้เห็นเทรนด์การก่อการร้ายกระจายตัวในหลายประเทศยุโรปมาแล้ว ปี 2018 จึงเป็นไปได้ว่าการก่อการร้ายขนาดเล็กแต่เกิดในจุดสำคัญของโลก จะเป็นภัยคุกคามแบบใหม่ที่โลกต้องรับมือ
2.ประท้วงใหญ่ในอังกฤษ
สิ่งที่ 2 ที่โลกจะได้เห็นในปี 2018 ก็คือการประท้วงใหญ่ในอังกฤษ เรื่องนี้ก็สามารถคาดเดาได้โดยไม่ต้องใช้พลังจิตหรือญาณพิเศษใดๆ เพราะ 2018 เป็นปีแห่งการเจรจาเงื่อนไขในการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ ก่อนที่กลางปี 2019 อังกฤษจะออกจากอียูอย่างเป็นทางการ แม้ในช่วงเริ่มต้นของการเจรจาเมื่อปลายปี 2017 ที่ผ่านมา ก็เกิดความวุ่นวายอย่างมากในอังกฤษแล้ว เพราะฉะนั้นจึงคาดหมายได้แน่นอนว่ายิ่งใกล้ช่วงการออกจากอียู จะยิ่งมีความตึงเครียดที่บานปลายกลายเป็นการประท้วงได้
3.เรือรบสหรัฐฯจม
สิ่งที่ 3 ที่จะเกิดขึ้นในปี 2018 ก็คือเรือรบของสหรัฐฯจะจม เรื่องนี้ฟังดูเป็นไปไม่ได้ แต่ในปี 2017 มีข่าวเรือรบสหรัฐฯถูกชนเสียหายถึง 6 ครั้งเฉพาะในเอเชีย มีทั้งเหตุเล็กน้อยและเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิต และเมื่อปลายปี 2017 ก็มีข่าวเรือดำน้ำอาร์เจนตินาหายสาบสูญพร้อมลูกเรือ แสดงให้เห็นว่าการเกิดอุบัติเหตุไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ แม้แต่กับเรือรบ ซึ่งถึงพร้อมด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ที่สำคัญ ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือ และเหตุรุนแรงในตะวันออกกลางหลังการประกาศรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลโดยโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ทำให้มีความเป็นไปได้สูงขึ้นว่าจะเกิดเหตุบางประการที่ทำให้เรือรบสหรัฐฯเสียหาย แต่จะถึงขั้น "จม" อย่างคำทำนายหรือไม่ ต้องติดตามพิสูจน์กันต่อไป
4.คิมจองอึนถูกโค่นอำนาจ
สิ่งที่ 4 ที่จะเกิดขึ้นในปี 2018 ตามคำพยากรณ์ของพาร์กเกอร์ คือการโค่นล้มคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ คำทำนายนี้อาจจะฟังดูเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ยิ่งขึ้นไปอีก แต่ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในปี 2017 ก็ทำให้การโค่นล้มคิมจองอึนกลายเป็นสิ่งที่อาจเป็นไปได้ขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2017 ทำให้นักวิเคราะห์ยอมรับว่าขณะนี้เกาหลีเหนือเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ประเทศหนึ่งทัดเทียมกับมหาอำนาจโลกแล้ว และมีขีปนาวุธที่ยิงได้ไกลถึงทุกพื้นที่ของสหรัฐฯจริง อย่างไรก็ตาม การ "โค่นล้ม" คิมจองอึน อาจมาจากการแทรกแซงของต่างประเทศมากกว่าการโค่นล้มจากภายใน หรือหากเป็นการโค่นล้มโดยคนของคิมเอง ก็เป็นไปได้ว่าจะมาจากการสนับสนุนของจีน ผู้ที่ไม่พอใจคิมมากขึ้นทุกวัน จากนโยบายที่ก้าวร้าวจนเกิดควบคุมของเขา
5.เจ้าชายแฮรีเสกสมรส
สิ่งที่ 5 ที่จะเกิดขึ้นในปี 2018 คือเจ้าชายแฮรีแห่งอังกฤษจะเสกสมรสกับเมแกน มาร์เคิล แฟนสาวที่ทรงคบหาดูใจมากว่า 1 ปี พาร์กเกอร์พยากรณ์เรื่องนี้ก่อนที่เจ้าชายจะทรงประกาศหมั้นกับเมแกนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และมีกำหนดการจะเสกสมรสในเดือนพฤษภาคมปี 2018 การหมั้นของทั้งคู่มีขึ้นท่ามกลางกระแสวิจารณ์ทั้งแง่บวกและแง่ลบ เนื่องจากเมแกนเป็นนักแสดงชาวอเมริกันที่มีเชื้อสายแอฟริกัน เธอจะเป็นสตรีเชื้อสายแอฟริกันคนแรกที่ได้เสกสมรสกับพระราชวงศ์ยุโรป นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังคบหากันเพียง 1 ปีครึ่งเท่านั้น
การเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮรีและนักแสดงสาวชาวอเมริกัน ถือว่าเป็นการเปลี่ยนโฉมราชวงศ์อังกฤษอีกครั้ง ให้ทันสมัย เปิดกว้าง และติดดินยิ่งขึ้น เนื่องจากนอกจากเมแกนจะเป็นชาวอเมริกัน เธอยังเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นผู้แทนพิเศษของ UN Women ทำให้เธอเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่จะเป็นคู่ครองของเจ้าชายแฮรี ซึ่งทรงทำงานด้นสิทธิมนุษยชนสืบทอดเจตนารมณ์พระมารดา เจ้าหญิงไดอานามาอย่างต่อเนื่อง
6.ทรัมป์รอดจากการถูกถอดถอน
สิ่งที่ 6 ที่จะเกิดขึ้นในปี 2018 ก็คือโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะรอดพ้นจากการลงมติถอดถอน หรือ impeachment ซึ่งเป็นกระบวนการโค่นล้มประธานาธิบดีตามระบอบรัฐสภา เรื่องนี้ไม่มีญาณพิเศษใดๆก็คงเดาได้ไม่ยาก เพราะแม้ทรัมป์จะสร้างเรื่องอื้อฉาวมากมาย ทั้งการตัดสินใจรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล การทวีตยั่วยุผู้นำเกาหลีเหนือ แต่พรรครีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างมากในทั้งสภาสูงและสภาล่าง ทำให้โอกาสที่ทรัมป์จะถูกลงมติถอดถอนเป็นได้ยากอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่ว่าอย่างไร รีพับลิกันก็ยังต้องการให้คนของตนเองกุมอำนาจในฝ่ายบริหารต่อไป
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ความพยายามยื่นถอดถอนทรัมป์ครั้งแรกจากฝ่ายเดโมแครต ก็ได้ล้มเหลวไปแล้วโดยการบล็อกจากรีพับลิกัน เพราะฉะนั้นการที่ทรัมป์จะรอดพ้นจากการถูกถอดถอนอีกในปี 2018 จึงเกิดขึ้นได้แน่นอน นอกเหนือจากจะไม่มีการยื่นขอถอดถอนเกิดขึ้นเลย คำทำนายนี้ก็จะถือว่าไม่เป็นจริง
7.ภูเขาไฟในอิตาลีระเบิด
ภูเขาไฟอากุงบนเกาะบาหลี พ่นเถ้าถ่านขึ้นหลายครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา แม้ยังไม่ระเบิดแต่ทำให้เกิดมลภาวะทางอากาศอย่างหนัก
สิ่งที่ 7 ที่พาร์กเกอร์ทำนายว่าจะเกิดขึ้นในปี 2018 ก็คือเหตุภูเขาไฟระเบิดในอิตาลี โดยอาจเกิดใกล้กับเมืองเนเปิลส์ พาร์กเกอร์ถึงขั้นเจาะจงว่าภูเขาไฟที่จะปะทุ คือภูเขาไฟวีซูเวียส นี่เป็นการพยากรณ์ตามเทรนด์โลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งภาวะโลกร้อนทำให้เกิดภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปี 2017 ภูเขาไฟอากุงบนเกาะบาหลีของอินโดนีเซียทำท่าจะปะทุหลายครั้ง ทำให้เกิดการอพยพคนจำนวนมหาศาล เถ้าถ่านจากภูเขาไฟก่อมลภาวะและขัดขวางการสัญจรทางอากาศอย่างหนัก
และหากพิจารณาถึงพื้นที่ในอิตาลี อิตาลีเพิ่งเผชิญเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในปี 2016 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 299 ราย และเมื่อเดือนพฤศจิกายน กับต้นธันวาคมที่ผ่านมา ก็เกิดแผ่นดินไหวต่อกันถึง 2 ครั้งในภาคกลาง ที่สำคัญ ภูมิประเทศเกือบทั้งหมดของอิตาลีเป็นเขตอ่อนไหวต่อการเกิดเแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดอยู่แล้ว ความเป็นไปได้ที่จะเกิดภูเขาไฟระเบิดในปี 2018 จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริง
8.แผ่นน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาจะแตกตัว
ภัยธรรมชาติอีกประการที่พาร์กเกอร์ทำนายว่าจะเกิดขึ้น ก็คือการแตกออกของแผ่นน้ำแข็งในแอนตาร์กติกา เรื่องนี้ก็ไม่ต้องใช้ญานพิเศษใดๆ แต่อาศัยการประเมินสถานการณ์น้ำแข็งในขั้วโลกใต้ก็สามารถวิเคราะห์ได้ เพราะเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2017 เพิ่งเกิดเหตุภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์ กินพื้นที่ 5,800 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าลักเซมเบิร์ก 2 เท่า แตกตัวออกจากแผ่นน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของแอนตาร์กติกา และลอยตัวเป็นอิสระในมหาสมุทรแอนตาร์กติก ทำให้ภูมิประเทศของขั้วโลกใต้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ครั้งใหญ่ของโลก อย่างไรก็ตาม นักธรณีวิทยายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการแตกตัวออกเกิดจากภาวะโลกร้อน เนื่องจากการแตกตัวของแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกเกิดขึ้นเป็นปกติ เพียงแต่ไม่ค่อยเกิดการแตกตัวของแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่เช่นนี้เท่านั้น นอกจากนี้การแตกตัวดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อระบบนิเวศของโลกอีกด้วย