ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรีจีนตั้งเป้าปฏิรูปจีนไปสู่สังคมดิจิทัลเต็มรูปแบบ พร้อมตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจ 6.5 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มงบประมาณด้านการทหารเป็น 1.11 ล้านล้านหยวน

การเปิดประชุมสภาประชาชนประจำปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ และตัวแทนประชาชนจากมณฑลต่างๆ กว่า2,000 คนเดินทางเข้าร่วมการประชุมในวันนี้ (5 มี.ค.) โดยนายหลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้ประกาศแนวทางดำเนินแผนการต่อสู้ของจีนใน 3 ด้าน ได้แก่ การลดความเสี่ยงทางด้านการเงินและการคลัง ความยากจน และมลพิษสิ่งแวดล้อม

ในด้านเศรษฐกิจ หลี่เค่อเฉียงกล่าวว่า ในปีนี้จีนจะปฏิรูปและผลักดันนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน โดยรัฐบาลมีแผนจะปฏิรูปความเร็วของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตให้เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการลดค่าใช้จ่ายในการใช้อินเทอร์เน็ตโดยตั้งเป้าให้ค่าบริการอินเทอร์เน็ตลดลง 30 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ เพื่อพัฒนาจีนเข้าสู่สังคมดิจิทัลเต็มรูปแบบ 

การประชุมครั้งนี้ทางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เชิญประธานบริษัททางด้านเทคโนโลยีชั้นนำของจีนเข้าร่วมประชุมหลายคนทั้งบริษัทอีคอมเมิร์ชยักษ์ใหญ่อย่าง JD.com รวมไปถึง โพนี่ หม่า ผู้ก่อตั้งการให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในจีนอย่าง We Chat ทั้งนี้รัฐบาลจีนมีแผนจะขับเคลื่อนนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ รวมไปถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ

นอกจากนี้ หลี่เค่อเฉียงยังกล่าวถึงมาตรการลดภาษีในแก่ภาคธุรกิจทั้งผู้เสียภาษีรายย่อยและนิติบุคคลรวมไปถึงนักลงทุนจากต่างชาติกว่า 8 แสนล้านหยวน ซึ่งนายหลี่คาดว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจีน นอกจากนี้รัฐบาลยังจะสนับสนุนชาวจีนที่ออกไปอาศัยยังต่างประเทศให้กลับมาทำงานและลงทุนในจีนเพิ่มมากขึ้น

ในปีนี้จีนตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 6.5 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าการเจริญเติบโตเศรษฐกิจปี 2017 ซึ่งอยู่ที่ 6.9 เปอร์เซ็นต์ สืบเนื่องมาจากปัญหาการว่างงานของจีนซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการว่างงานอยู่ที่ 5.5 เปอร์เซ็นต์

ลดความเสี่ยงทางด้านการคลังในรอบ 3 ปี แต่เพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคง

นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงกล่าวว่า ในปี 2018 เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ที่รัฐบาลออกมาตรการควบคุมการใช้จ่ายทางด้านการคลัง เพื่อลดหนี้และความเสี่ยงทางด้านการเงินของประเทศ แต่การจัดทำมาตรการดังกล่าวนี้ จะไม่กระทบต่องบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีมูลค่า 1.8 ล้านล้านหยวน, 1 ล้านล้านหยวนสำหรับการจัดการน้ำ และ 7.3 แสนล้านหยวนสำหรับการก่อสร้างรถไฟ

แต่สำหรับงบประมาณด้านการทหารในปี 2018 จีนตั้งงบประมาณไว้ 1.11 ล้านล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้น 8.1 เปอร์เซ็นต์จากปี 2017 ซึ่งหลี่เค่อเฉียงกล่าวว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงและพรรคคอมมิวนิสต์ได้เล็งเห็นความจำเป็นว่าจะต้องเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคง เพื่อเพิ่มความสามารถทางการทหาร ทั้งทางอากาศ ทางบก และทางทะเล 

AP18063512617177.jpg

กองทัพจีนมีแผนจะปฏิรูปรกองทัพใหม่โดยอาศัยเทคโนโลยีและเครื่องมือทางทหารใหม่ๆ เพื่อปกป้องแนวชายแดน รวมไปถึงแนวชายฝั่งและการป้องกันทางอากาศของจีน

ทั้งนี้บีบีซีกล่าวว่า การเพิ่มงบประมาณปรับปรุงกองทัพในครั้งนี้ จะแสดงถึงความทะเยอทะยานทางการทหารของจีนที่ต้องการมีกองทัพขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลก รวมทั้งต้องการพัฒนาที่มั่นทางยุทธศาสตร์ในทะเลจีนใต้และชายแดนแถบเทือกเขาหิมาลัยให้มากขึ้นด้วย ซึ่งน่าจะสร้างความไม่พอใจให้กับชาติมหาอำนาจคู่แข่งเช่นสหรัฐฯ

หนึ่งประเทศสองระบบ แต่จะไม่ทนกับการแบ่งแยกดินแดนของไต้หวัน

ในที่ประชุมหลี่เค่อเฉียง กล่าวว่า ทางรัฐบาลจีนจะไม่อดทนต่อการแบ่งแยกดินแดนของไต้หวัน หลังจากที่ผ่านมาไต้หวันพยายามเข้าหาพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ ในการป้องกันประเทศ เพื่อส่งเสริมความพยายามของไต้หวันในการแยกตัวออกจากจีน

หลี่กล่าวว่า "เราจะยังคงรักษาเสถียรภาพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนจีนไว้อย่างเข้มแข็งและจะไม่ยอมให้มีการแบ่งแยกดินแดนเพื่อเอกราชของไต้หวัน" อย่างไรก็ตาม จีนพร้อมสนับสนุนประชากรของไต้หวันในการทำงาน การศึกษา และการเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ เทียบเท่ากับคนจีนในแผ่นดินใหญ่ในฐานะประชากรของจีน

ความต้องการแย่งไต้หวันออกจากจีนเริ่มส่อแววแข็งกร้าวมากขึ้นหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016 ที่นางสาวไช่อิงเหวิน ได้รับชัยชนะขึ้นเป็นประธานาธิบดี โดยเธอเป็นนักการเมืองจากพรรคที่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราช แต่เมื่อรับตำแหน่ง ปธน. เธอได้กล่าวยืนยันว่าไต้หวันจะยังคงรักษาสถานะเช่นนี้ต่อไป และจะผลักดันให้เกิดสันติภาพระหว่างจีนและไต้หวัน

นอกจากไต้หวันแล้ว จีนยังหวั่นเกรงฮ่องกงที่มีการพยายามผลักดันและเรียกร้องประชาธิปไตยจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มปฏิวัติร่มที่ชุมนุมต่อเนื่องหลายเดือนในปี 2014 ทั้งนี้หลี่กล่าวว่า จีนจะยังคงดำเนินการปกครองฮ่องกงและมาเก๊าภายใต้นโยบาย 'หนึ่งประเทศสองระบบ' และพร้อมที่จะสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือฮ่องกงและมาเก๊าในทุกเรื่อง

แต่อย่างไรก็ตาม ในการแถลงเปิดประชุมของนายกรัฐมนตรีจีนไม่ได้กล่าวถึงการยืดอำนาจและการขยายเวลาในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสีจิ้นผิงแต่อย่างใด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง