ต่างประเทศ
เกาหลีเหนือจัดขบวนแห่ 'ผู้นำเกาหลีใต้' ในกรุงเปียงยาง ก่อนคุยแนวทางปลดนิวเคลียร์
มุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และคิมจองซุก ผู้เป็นภริยา พร้อมด้วยอีแจยอง รองประธานบริษัทซัมซุง และผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ของเกาหลีใต้ ทั้งเอสเค, แอลจี และฮุนได รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐบาล รวม 150 คน เดินทางถึงกรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือ ช่วงเช้าวันที่ 18 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่นเกาหลีเหนือ โดย 'คิมจองอึน' ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ พร้อมด้วยรีโซลจู ผู้เป็นภริยา ให้การต้อนรับคณะผู้นำเกาหลีใต้
การเจรจาสุดยอดผู้นำเกาหลีทั้งสองฝ่ายครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 โดย 2 ครั้งแรกจัดขึ้นที่หมู่บ้านพันมุนจอม เขตปลอดทหารบริเวณชายแดนระหว่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ ขณะเดียวกัน คิมจองอึนได้เชิญมุนแจอินเข้าร่วมขบวนพาเหรดรอบกรุงเปียงยาง ท่ามกลางประชาชนที่ตั้งแถวชูธงต้อนรับผู้นำเกาหลีทั้งสองฝ่าย รวมถึงคิมโยจอง น้องสาวของผู้นำคิมจองอึน เพราะเป็นการเยือนกรุงเปียงยางครั้งแรกนับตั้งแต่มุนแจอินรับตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้
เป้าหมายสำคัญในการเจรจาระหว่างเกาหลีทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงการหารือแนวทางการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ให้เป็นไปตามเป้าหมายการเจรจาสันติภาพระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แต่สื่อต่างประเทศรายงานว่าการนำนักธุรกิจและนักลงทุนเกาหลีใต้ไปร่วมการเจรจาครั้งนี้ด้วย ทำให้มีผู้คาดการณ์ว่าเกาหลีใต้ต้องการใช้เงื่อนไขทางเศรษฐกิจในการโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือดำเนินการตามแนวทางปลดอาวุธนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกา หรือ VOA ของสหรัฐฯ รายงานอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ยื่นข้อเสนอแก่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSCA) ให้คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเกาหลีเหนือ เพื่อตอบโต้ที่เกาหลีเหนือละเมิดมติ UNSC ทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์หลายครั้ง ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในภูมิภาค ได้กล่าวเตือนรัฐบาลเกาหลีใต้ให้ระมัดระวังการเจรจาความร่วมมือทางธุรกิจ เนื่องจากยูเอ็นเอสซีได้ขึ้นบัญชีรายชื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงรวมถึงบริษัทรัฐวิสาหกิจเกาหลีเหนือที่ถูกคว่ำบาตร และเกาหลีใต้ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในมาตรการคว่ำบาตรด้วยในฐานะประเทศสมาชิกยูเอ็นเอสซี
เงื่อนไขในการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ รวมถึงการงดเว้นการลงทุนและประกอบธุรกรรมทางการเงินกับบุคคลและนิติบุคคลที่อยู่ในรายชื่อต้องห้ามของเกาหลีเหนือ รวมถึงต้องอายัดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือที่พบในเกาหลีใต้ด้วย
ที่มา: Chosun Ilbo/ Reuters/ Washington Posts
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
