ไม่พบผลการค้นหา
แม้ความพยายามพิสูจน์เรื่องการใช้อาวุธเคมีในซีเรียจะมีความคืบหน้า ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การห้ามอาวุธเคมีได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่เพื่อเก็บตัวอย่างได้ แต่ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย ซีเรียและสามชาติพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯยังขยายตัวไม่หยุดยั้ง

ข้อกล่าวหาซึ่งกันและกันขยายตัวมากขึ้น ขณะที่ยูเอ็นพยายามลดอุณหภูมิระหว่างสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคง อีกด้านผู้สื่อข่าวชี้ขณะนี้เกิดสงครามข่าวสารทำให้แทบบอกไม่ได้ว่าข้อมูลใดที่เป็นความจริง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 เม.ย.ที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ของ OPCW คือ Organisation for the Prohibition of Chemical Weapons หรือองค์การห้ามอาวุธเคมี ได้รับอนุญาตในที่สุดให้เข้าไปเก็บตัวอย่างสิ่งที่อาจจะเป็นอาวุธเคมีที่ในเมืองดูมาของซีเรีย หลังจากที่ต้องรออยู่หลายวันกว่าจะได้รับอนุญาต ภาระกิจของพวกเขาคือต้องตรวจสอบว่ามีการใช้อาวุธเคมีจริงหรือไม่เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาของสหรัฐฯและพันธมิตร คืออังกฤษและฝรั่งเศสที่ได้ร่วมกันโจมตีทางอากาศซีเรียเมื่อ 14 เม.ย.เพื่อกดดันให้ซีเรียหยุดใช้อาวุธเคมี ในขณะที่ทั้งซีเรียและรัสเซียที่เป็นผู้สนับสนุนต่างยืนยันว่าไม่มีการใช้อาวุธเคมีแต่อย่างใด

ในระหว่างที่มีการปฏิบัติการทางทหาร การตอบโต้กันทางการเมืองก็ดำเนินไปอย่างหนัก อังกฤษได้สั่งตรวจสอบกรณีการวางสารพิษทำร้ายอดีตสายลับรัสเซียที่เมืองซอลสเบอรี ทางการอังกฤษระบุว่า การตรวจสอบพบว่า แก๊สพิษที่ใช้ชื่อโนวิช็อกซึ่งเป็นตัวทำลายระบบประสาทมีพิษรุนแรงมากที่สุด เป็นอาวุธที่พัฒนาโดยรัสเซีย อังกฤษปักใจเชื่อว่ารัสเซียเป็นผู้ลงมือ หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องเป็นความรับผิดชอบของรัสเซียที่ปล่อยให้อาวุธร้ายแรงเช่นนี้ตกไปอยู่ในมือของฝ่ายที่สามและนำไปก่อเหตุ

ด้านรัสเซียปฏิเสธอย่างเด็ดขาดและขู่ว่า อังกฤษกำลังเล่นกับไฟ ทั้งสองชาติแสดงอาการขัดแย้งกันอย่างหนักในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคง ในขณะที่ชาติอื่นๆสนับสนุนอังกฤษ เพราะเรื่องวางแก๊สพิษอดีตสายลับ ได้มีการตอบโต้กันด้วยการสั่งขับนักการทูตซึ่งกันและกันระหว่างรัสเซีย อังกฤษ และหลายชาติในยุโรป

ข้อกล่าวหาว่ารัสเซียแอบใช้อาวุธเคมีที่ร้ายแรงในพื้นที่ของอังกฤษยิ่งทำให้สถานการณ์ในเรื่องซีเรียตึงเครียดมากขึ้น

ประท้วงระเบิดซีเรีย

ล่าสุด รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียออกมาโจมตีว่าอังกฤษเป็นคนลงมือก่อเหตุใช้แก๊สพิษที่เมืองซอลสเบอรีเอง รวมทั้งที่เมืองดูมาของซีเรีย ทั้งนี้เพื่อจะใช้เป็นข้ออ้างโจมตีทางอากาศซีเรีย ในขณะที่อีกด้าน สื่ออังกฤษบางรายอย่างเอกซเพรสก็ถึงกับรายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯอ้างว่าเกาหลีเหนือส่งอาวุธเคมีให้รัฐบาลซีเรีย

ในเรื่องของหลักฐานนั้น มีผู้ถ่ายวิดีโอคลิปเอาไว้เป็นภาพผู้คนที่นอนตายในสภาพที่มาร์ค สโตน ผู้สื่อข่าวของสกายนิวส์ระบุว่าน่าอนาถคือน้ำลายฟูมปาก แต่สโตนก็ชี้ว่า การมีคลิปเช่นนี้ยังสรุปไม่ได้ว่ามีการใช้อาวุธเคมีจริง

อย่างไรก็ตามเขาชี้ว่าผู้สื่อข่าวทั่วไปยากจะเข้าถึงสถานที่ที่เกิดเหตุคือเมืองดูมาของซีเรีย เพราะรัฐบาลซีเรียไม่เปิดทางให้ง่ายๆ แต่กระนั้นก็ปรากฎว่า ก่อนที่ซีเรียจะยอมให้ผู้เชี่ยวชาญขององค์การห้ามอาวุธเคมีเข้าไปเก็บตัวอย่างเพื่อนำไปพิสูจน์ รัฐบาลซีเรียได้ยอมให้นักข่าวหนึ่งหรือสองรายเข้าไปทำรายงานข่าวได้ และสื่อเหล่านั้นกลับออกมาพร้อมกับรายงานว่าไม่ได้มีการใช้อาวุธเคมีจริง เป็นเพียงข่าวที่กุขึ้น แต่ขณะเดียวกันรายงานข่าวเหล่านั้นก็ยังไม่อาจอธิบายเรื่องภาพของคนตายจำนวนมาก

นักข่าวอย่างสโตนยอมรับว่าการทำข่าวเรื่องอาวุธเคมีในซีเรียขณะนี้ยากมาก ทุกฝ่ายปฏิเสธการบิดเบือนข้อมูลและให้ร้าย ข้อมูลของแต่ละฝ่ายล้วนต้องรับฟังอย่างระมัดระวัง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขององค์การห้ามอาวุธเคมีเข้าไปเก็บข้อมูล ก็มีเสียงตำหนิว่าซีเรียถ่วงเวลาเพื่อจะให้ร่องรอยของอาวุธที่ใช้หายไป ส่วนด้านซีเรียและรัสเซียก็ประกาศว่า หลักฐานที่ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปเอามาจะนำไปสู่การพิสูจน์ว่าสหรัฐฯ อังกฤษและฝรั่งเศสนั้นโกหก ล่าสุดนี้มีสื่อบางรายนำเสนอว่า เจ้าหน้าที่ซีเรียที่ลาดตระเวนไปพบโรงงานห้องแถวที่ผลิตอาวุธเคมีของฝ่ายกบฎ

ความขัดแย้งในเรื่องอาวุธเคมีในซีเรียทำให้สหประชาชาติวิตกไม่น้อย เลขาธิการยูเอ็นออกมาเตือนว่าปัญหาซีเรียเป็นความขัดแย้งที่หนักที่สุดในเวลานี้ เพราะการสู้รบที่นั่นเป็นสงครามตัวแทนของหลายฝ่ายหลายชาติ แล้วยังมีกลุ่มนักรบผู้ใช้กำลังกลุ่มต่างๆมีส่วนเกี่ยวข้อง คณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นไปประชุมกันในเมืองเล็กๆของสวีเดนด้วยความหวังว่า บรรยากาศที่สงบจะช่วยให้ทุกฝ่ายใจเย็นและรอยร้าวในระหว่างชาติสมาชิกจะลดน้อยลง ความหนักใจของยูเอ็นในเรื่องสถานการณ์ความขัดแย้งเห็นได้ชัดจากคำพูดของเลขาธิการยูเอ็นที่ว่า ขณะนี้สงครามเย็นกลับมาแล้ว และมาอย่างแรงเสียด้วย ขณะที่อีกด้าน วันที่ 24 เม.ย.นี้ยูเอ็นก็เตรียมประชุมสมาชิกเป็นนัดพิเศษถกกันเรื่องของการสร้างสันติภาพโลก

ที่มา: Almasdarnews/Sputniknews/ Express/Sky News/ CNN/ Tele Sur TV/ Yahoo/ The Guardian

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: