คุณภาพชีวิต
'คลายล็อกกัญชา' เน้นการแพทย์-ห้ามปลูกใช้เอง
นายแพทย์โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ กล่าวว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 แล้ว และกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. ถือว่าเป็นไปตามขั้นตอนการ 'คลายล็อกกัญชา' ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะมีการอนุญาต นำกัญชาไปวิจัยศึกษาใช้ทางการแพทย์
อย่างไรก็ตาม มีการเน้นย้ำว่า 'กัญชา' ยังเป็น 'ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5' ถึงแม้จะมีการคลายล็อกกัญชา แต่ก็ไม่สามารถนำไปใช้เพื่อสันทนาการได้ ดังนั้น ประชาชนทั่วไปยังไม่สามารถปลูกกัญชาได้อย่างอิสระ
ด้านนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส กล่าวถึงกรอบการดำเนินการควบคุมกัญชาว่า อยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด 3 ขั้นตอน ทั้งเรื่องการเพาะปลูก-การพัฒนาสายพันธุ์กัญชา, การสกัด และปริมาณผลผลิต ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องมีความรอบคอบรัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อประชาชนที่ใช้กัญชาทางการแพทย์
ดังนั้น ผู้ที่จะได้รับอนุญาตการปลูกกัญชาในอนาคต จะต้องเป็น 'นิติบุคคล' หรือ 'หน่วยงานรัฐ' ซึ่งต้องทำเพื่อการศึกษาวิจัย และใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น รวมทั้งต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษก่อน ไม่สามารถปลูกได้ทั่วไป
ส่วนกรณี บริษัทต่างชาติ ยื่นขอจดสิทธิบัตรยาที่เกี่ยวข้องกับสารสกัดจากกัญชา นายแพทย์โสภณ ระบุว่า ได้เคยเข้าไปพูดคุย กับอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนั้นได้รับการยืนยันว่า ไม่สามารถจดสิทธิบัตรให้ได้ เนื่องจาก พิจารณาเห็นว่า ขัดต่อ พ.ร.บ สิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 9 วงเล็บ 1 ขณะนี้บอร์ดองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และฝ่ายกฎหมาย อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจมีผลกระทบต่อการศึกษาวิจัยกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรมในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา รีบชี้แจ้งรายละเอียดในการยื่น 11 คำขอของบริษัทต่างชาติ ว่าจะพิจารณาออกมาในแนวทางใด
เมื่อถามว่า อภ.จะฟ้องร้องหรือไม่นั้น นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ กำลังให้ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้พิจารณา และจะขอดูท่าทีของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ว่ามีแนวทางปฏิบัติอย่างไรกับปัญหานี้ ซึ่งอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายที่จะถูกแก้ไขในอนาคต
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
