ไม่พบผลการค้นหา
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เตือนผู้รับงานไปทำที่บ้านผ่านช่องทางออนไลน์ระวังตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ แนะอย่าหลงเชื่อโอนเงินมัดจำ ขอเอกสารการรับงานทุกครั้งป้องกันการหลอกลวง พร้อมย้ำผู้ว่าจ้างให้ปฏิบัติตามกฎหมายฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ

นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อนำเสนอข่าวว่าปัจจุบันมีมิจฉาชีพหลอกลวงผู้รับงานไปทำที่บ้านในลักษณะของการโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียหรือช่องทางออนไลน์ว่ามีอาชีพเสริมออนไลน์ให้รับไปทำที่บ้าน เช่น งานคัดแยกลูกปัด งานแพ็คหนังยาง กิ๊บ กระดุม เป็นต้น แต่เมื่อทำงานเสร็จกลับไม่ได้รับค่าตอบแทน บางรายให้ผู้รับงานโอนเงินไปให��ก่อนเพื่อเป็นหลักประกันเมื่อได้รับเงินแล้วก็หนีหายไป ขณะที่ผู้เสียหายไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับมิจฉาชีพเหล่านี้ได้ เพราะไม่ทราบว่าผู้ว่าจ้างเป็นใครเนื่องจากไม่มีหลักฐานการว่าจ้าง กสร.จึงขอฝากเตือนไปยังผู้ที่ต้องการหารายได้โดยการรับงาน ไปทำที่บ้านให้ระมัดระวังการหลอกลวงในรูปแบบนี้

ทั้งนี้ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. 2553 ได้กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้านไว้เป็นการเฉพาะ เช่น กำหนดให้ผู้จ้างงานจัดทำเอกสารเกี่ยวกับการรับงานไปทำที่บ้านมอบให้แก่ผู้รับงานซึ่งจะต้องมีชื่อที่อยู่ทั้งของผู้ว่าจ้างและผู้รับงาน กำหนดอัตราค่าตอบแทน ห้ามผู้ว่าจ้างเรียกรับหลักประกันการทำงานหรือหลักประกันความเสียหายจากผู้รับงาน รวมไปถึงห้ามจ้างผู้รับงานทำงานอันตราย เป็นต้น 

อธิบดีกสร. กล่าวว่า กสร. จึงขอให้ทั้งสองฝ่ายปฎิบัติตามที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รับงานจะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนรับงาน โดยให้ขอเอกสารเกี่ยวกับการรับงานจากผู้ว่าจ้างทุกครั้งเพื่อเป็นหลักฐานและเป็นประโยชน์ในการใช้สิทธิตามกฎหมาย และอย่าหลงเชื่อโอนเงินเป็นค่ามัดจำโดยเด็ดขาด สำหรับอัตราโทษของผู้จ้างงานฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย คือ ปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นถึงสองแสนบาท หรือจำคุกตั้งแต่หนึ่งเดือนถึงหนึ่งปี