พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากรณ์ รองอธิบดีดีเอสไอ นำนายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีภาษีอากร ของ ดีเอสไอ ซึ่งโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวลักษณะจะมีการดำเนินการและค้น 4 วัดดังของกรุงเทพฯ มาเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม โดยมี พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ พล.ต.ต.ประเสริฐ พัฒนาดี ผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางร่วมรับฟัง โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหานายพิสิฐชัย ผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เพียงข้อหาเดียว ซึ่งนายพิสิฐชัย ขอกลับไปทำเอกสารประกอบคำให้การโดยจะส่งกลับเร็วที่สุด เบื้องต้นเจ้าตัวยืนยันว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความจริง และเป็นเพียงการกระทำส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับหน่วยงาน กรณีนี้ทำให้อธิบดีดีเอสไอ มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งเดิม ไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งอื่น เพื่อสะดวกในการตรวจสอบและสามารถกำกับดูแลได้อย่างใกล้ชิด กรณีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ฯ ให้ข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ไปขอข้อมูลเอกสารการเงินของวัด เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน ไม่ทราบขอกลับไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
ด้านพล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม ย้ำอีกครั้งว่า ยังไม่มีการดำเนินการกับวัดใดในการตรวจสอบกรณีเงินทอนวัด ล็อต 4 และว่าการโพสต์ของนายพิสิฐชัย ไม่ทำให้การทำคดีเงินทอนวัดยากขึ้น ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของนายพิสิฐชัยกับตำรวจที่ทำคดี อยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ ทั้งนี้ได้ตรวจสอบไปยังกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. แล้วได้รับคำยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีการสอบสวนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวัดดังทั้ง 4 แห่ง