ตัวแทนภาคประชาชน 24 องค์กรร่วมกันจัดกิจกรรม เปิดตัวโครงการเข้าชื่อเสนอกฎหมายประชาชนเพื่อยกเลิกประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ที่มีเนื้อหาขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ที่ลานปรีดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
นายจอน อึ๊งภากรณ์ ปรึกษาศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ กล่าวว่า คสช.ใช้อำนาจพิเศษออกประกาศและคำสั่งไปแล้วกว่า 500 ฉบับ หลายฉบับมีเนื้อหาละเมิดสิทธิเสรีภาพ สิทธิทางการเมือง สิทธิชุมชน และเสรีภาพสื่อ โดยที่ประกาศและคำสั่งเหล่านี้จะยังคงอยู่และมีสถานะเป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไปตามรัฐธรรมนูญใหม่
อาทิ คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 3 /2558 ซึ่งกำหนดให้การชุมนุมทางการเมือง 5 คนขึ้นไปเป็นความผิด ,คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 3/2559 เรื่องการยกเว้นการใช้บังคับกฎหมาย ว่าด้วยการผังเมืองและกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ,คำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 ให้อำนาจตรวจสอบและบุกค้นผู้เข่าข่ายความผิดโดยไม่ต้องมีหมายศาล ,คำสั่ง คสช.ที่ 5 /2560 เรื่องมาตรการให้อํานาจกําหนดพื้นที่ควบคุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย กรณีปิดล้อมตรวจค้นวัดธรรมกาย
เช่นเดียวกับนางแสงศิริ ตรีมรรคา เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ กล่าวว่าการร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายยกเลิกประกาศ คำสั่ง คสช.ดังกล่าว เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 133 รวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างน้อย 10,000 รายชื่อ เพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย โดยให้สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง พิจารณาผ่านร่างพระราชบัญญัติเพื่อยกเลิกประกาศและคำสั่งคสช.และคำสั่งหัวหน้าคสช.รวม 35 ฉบับ
สำหรับตัวแทนภาคประชาชนที่เข้าร่วมแถลงการณ์ อาทิ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน หรือ กป.อพช. ,เครือข่ายหลักประกันสุขภาพ ,เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ ,เครือข่ายแรงงาน , เครือข่ายแรงงานนอกระบบ ,เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก , เครือข่ายผู้บริโภค ,เครือข่ายประชนผู้เป็นเจ้าของแร่,ขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศไท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง