บีบีซีรายงานว่าการประท้วงของกลุ่มประชาชน นักศึกษา และสมาชิกรัฐสภาไต้หวัน รวมกว่า 10,000 คน เกิดขึ้นในกรุงไทเปเมื่อปี 2557 ถูกเรียกว่า 'ขบวนการดอกทานตะวัน' โดยเป็นการรวมตัวเพื่อต่อต้านการทำสนธิสัญญาการค้าระหว่างจีนและไต้หวัน ซึ่งผู้ชุมนุมยืนยันว่าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องประชาธิปไตย
ผู้พิพากษาชางฮุยลี มีคำตัดสินในวันนี้ (13 มี.ค.) โดยระบุว่า การรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้นำไปสู่ความรุนแรงหรือทำให้เกิดการนองเลือด และเป็นการแสดงออกตามวิถีประชาธิปไตย การประท้วงดังกล่าวจึงเป็นปฏิกิริยาของประชาชนที่สะท้อนถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งผู้มีอำนาจควรจะฟังเสียงของประชาชน และจะต้องส่งเสริมสวัสดิการคุณภาพชีวิตของพวกเขา
ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมในอดีตต่างแสดงความยินดีที่ศาลตัดสินว่าการเคลื่อนไหวครั้งนั้นเป็นการปกป้องประชาธิปไตย โดยฮวงกู๋ชาง อดีตผู้นำการประท้วง ซึ่งปัจจุบันเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติไต้หวัน กล่าวว่าคำพิพากษาที่ออกมานั้นยืนยันถึงการมีเสรีภาพของไต้หวัน
"เมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนได้ตามหน้าที่ ประชาชนก็ต้องลุกขึ้นปกป้องตนเอง" ฮวงกล่าว
เฉินเว่ยทิง ผู้นำกลุ่มทานตะวันอีกคนหนึ่ง กล่าวว่า กระบวนการทางกฎหมายที่โปร่งใสของไต้หวันจะเป็นข้อความที่ส่งไปถึงประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนได้ และเฉินยังได้กล่าวถึงสถานการณ์การต่อสู้ของกลุ่มนักเคลื่อนไหวในฮ่องกง เขตบริหารพิเศษจีน โดยเขาระบุว่าขอเป็นกำลังใจให้แก่นักเคลื่อนไหวซึ่งถูกทางการฮ่องกงสั่งจำคุกและควบคุมการแสดงออกทางการเมือง
"หวังว่าเพื่อนของพวกเราในฮ่องกงที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากจะไม่ยอมแพ้ และไต้หวันจะยืนอยู่ข้างพวกคุณต่อไป'
ทั้งนี้ ในการประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติจีนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หลี่เคอเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีนกล่าวว่า จีนยังคงมุ่งสานสัมพันธ์กับไต้หวันและจะดำเนินแผนการรวมชาติกับไต้หวันต่อไป แต่ขณะเดียวกันก็จะยืนหยัดปกป้องอธิปไตยของชาติและบูรณภาพของดินแดนจีน โดยจะไม่อดทนต่อแผนการหรือความเคลื่อนไหวที่จะนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดนไต้หวัน
ที่ผ่านมา จีนยืนกรานว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนมาโดยตลอด และพยายามกดดันไต้หวันให้ยอมรับการรวมชาติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง