นพ. โอภาส การย์กวินะงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม และสำนักงานหลักประกันสุขภาพ ได้ดำเนินการร่วมกันในการจัดหาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หรือวัคซีนเอชพีวี เพื่อลดการเสียชีวิตของสตรีไทยจากมะเร็งปากมดลูก ขณะนี้มีบริษัทมายื่นเสนอแล้วอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนและระเบียบทางราชการ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย
ซึ่งคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้บรรจุวัคซีนเอชพีวี ทั้งชนิด 2 สายพันธุ์ (ป้องกันมะเร็งปากมดลูก) และ 4 สายพันธุ์ (ป้องกันมะเร็งปากมดลูก และหูดหงอนไก่) ไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเสรีโดยไม่ผูกขาด เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ 2535 ที่ต้องการให้เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมในการเสนอราคาของผู้ขายมากกว่า 1 ราย โดยในปีที่ผ่านมา องค์การเภสัชกรรมได้จัดหาวัคซีนให้กลุ่มเป้าหมายคือนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ได้พอเพียงเป็นไปตามแผนการดำเนินงานของประเทศ และการจัดซื้อวัคซีนประหยัดงบประมาณได้ 36 ล้านบาท
ทั้งนี้ นพ.โอกาส กล่าวต่อว่า สำหรับด้านประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกนั้น คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ยืนยันว่าวัคซีนทั้ง 2 ชนิดนี้มีประสิทธิภาพไม่แตกต่างกัน สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้เท่ากัน และวัคซีนทั้งสองชนิดนี้ในต่างประเทศก็ยังมีการใช้อยู่ โดยมีประเทศที่ใช้วัควีนเอชพีวีชนิด 2 สายพันธุ์ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค 29 ประเทศ เช่น สกอตแลนด์, เบลเยียม, ฝรั่งเศส, สวิสเซอร์แลนด์, อิตาลี, สเปน, เม็กซิโก, แอฟริกาใต้, สิงคโปร์, ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ซึ่งประสิทธิภาพของวัคซีนจะช่วยป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ 16 และ 18 ได้ประมาณ 90 -100 เปอร์เซนต์ ในผู้ที่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง