นายอุตตมะ สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ว่า ทั้ง 4 คน มาในฐานะตัวแทนของพรรค ตามที่พรรคได้มีมติเลือกให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 ซึ่งบรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี ทางพรรคได้นำ หนังสือเทียบเชิญ และเอกสารนโยบายพรรค มาเสนอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณา ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับไว้พิจารณา
"เมื่อถึงเวลานายกรัฐมนตรี จะให้คำตอบ ซึ่งแน่นอนว่า มีเวลาถึงวันที่ 8 ก.พ. ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝาก มายังพรรคว่า ในการทำงานทางการเมืองนั้น ขอให้ทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เน้นการปรองดอง อยากเห็นทุกพรรค ทำประโยชน์ให้ประชาชน แข่งขันในกฎเกณฑ์และกติกา" นายอุตตมะ กล่าว
ส่วนคาดหวังว่านายกรัฐมนตรีจะตอบรับหรือไม่นั้น นายอุตตมะ กล่าวว่า ตอบแทนนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แต่ทางพรรค มีความคาดหวัง ว่านายกรัฐมนตรี จะตอบรับคำเชิญ ขณะที่นโยบายพรรคมั่นใจว่า จะไม่ขัดแย้งกับสิ่งที่รัฐบาลทำมา แต่ยืนยันว่าพรรคมีนโยบายที่เป็นของพรรคเอง ซึ่งมีหลายนโยบายที่คิดใหม่ ดังนั้นจึงต้องให้โอกาส นายกรัฐมนตรีพิจารณา ทั้งนี้ขออย่าคาดคั้นว่านายกรัฐมนตรี จะรับหรือไม่รับ ขอเวลาได้พิจารณา จนถึงวันที่ 8 ก.พ. ทั้งนี้หากนายกรัฐมนตรีไม่ตอบรับ พรรคพร้อมทุกเหตุการณ์ อย่าไปพูดก่อน เพื่อความไม่เหมาะสม เพราะต้องให้เกียรตินายกรัฐมนตรีก่อน สำหรับนโยบายพรรคนั้น เบื้องต้น นายกรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วบางส่วน แต่หากนายกรัฐมนตรี อยากพูดคุยเรื่องนโยบายทางพรรคก็พร้อม และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนในบางประเด็นได้
สำหรับข้อทวงติงการเทียบเชิญนายกรัฐมนตรีในวันนี้ อาจจะผิดระเบียบ เพราะใช้สถานที่ราชการ นายอุตตมะ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางพรรคได้ประสานมายังคณะทำงานของพรรค ซึ่งได้รับแจ้งว่า สามารถเข้ามาเรียนเชิญได้ ในสถานที่ทำงาน หลังเวลาราชการแล้ว ซึ่งมาตามที่คณะทำงานนายกรัฐมนตรีแจ้งไว้ ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ทางพรรคกำลังประสานงาน เพราะทราบว่ากำลังเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมีการประสานอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ เลขาธิการพรรคฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีฝากบอกไปยังทุกพรรคว่า หากพรรคใดประสงค์จะมาเรียนเชิญนายกรัฐมนตรี เปิดกว้าง ไม่ใช่แค่พรรคพลังประชารัฐเท่านั้น ส่วนจะตัดสินใจอย่างไร เป็นที่ดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรี อยากเห็นการเป็นประชาธิปไตยที่เปิดกว้าง ไม่ใช่แค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากอยากให้ทุกฝ่ายปฎิรูปการเมือง และมั่นใจว่า การชู พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่า มีความเหมาะสม กับสถานการณ์ และบริบททางการเมืองในปัจจุบัน มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ เป็นที่ยอมรับของประชาชน มีศรัทธาของประชาชน มีความซื้อสัตย์ สุจริต ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ครบถ้วน ผ่านการพิจารณาของพรรคมาแล้ว
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีฝากเน้นย้ำเรื่องความปรองดอง นั้น เลขาธิการพรรคฯกล่าวว่า จุดยืนของพรรคต้องการแก้ปัญหาสังคมไทย คือการก้าวมข้ามความขัดแย้ง และพรรคไม่ทำตัวเป็นผู้ขัดแย้งกับใคร และ พยายามสร้างควาามสมานฉันทร์ให้การเมืองไทยเดินหน้า อย่างราบรื่น ซึ่งถือเป็นจุดยืนของพรรค อย่างชัดเจน ในการสร้างความปรองดอง