ไม่พบผลการค้นหา
ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ไม่ปิดกั้นนางงามแสดงความคิดเห็น ชี้เป็นสิทธิและเสรีภาพของมนุษย์ ยันมิสแกรนด์นครนายก 'ชูสาม นิ้ว-ผูกโบขาว' แสดงจุดยืน ไม่มีผลกับการให้คะแนนประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 ย้ำให้ความยุติธรรมกับทุกคน

กรณี ลลิตา สิงห์สกุล หรือ แสตมป์ มิสแกรนด์นครนายก ผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 'ชูสามนิ้ว-ผูกโบขาว' ซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์การเรีกร้องล่าสุดของสังคมไทย บนเวทีมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 จนทำให้ได้รับความสนอย่างกว้างขวาง มีทั้งเสียงชื่นชมที่กล้าก้าวข้ามความกลัวฉายภาพให้เห็นจุดยืนชัดเจน และถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ที่เห็นต่าง 

ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ประธานและผู้ก่อตั้งเวทีการประกวดระดับนานาชาติ มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล แสดงความคิดเห็นกับ 'วอยซ์ออนไลน์' ระบุว่า "ไม่ติดใจอะไรเลย" พร้อมกับอธิบายเพิ่มเติมว่า ในฐานะที่เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ และผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ นับว่าเป็นสื่อมวลชนอีกคนหนึ่ง ไม่มีความคิดปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นอย่างถูกต้อง เปิดกว้างต้อนรับทุกความคิดเห็น ถือว่าเป็นอิสระทางความคิด เป็นสิทธิมนุษยชน และเป็นสิทธิและเสรีภาพในการพูด (freedom of speech) ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องให้การสนับสนุนให้เกิดขึ้นในสังคมไทย  

ณวัฒน์ อิสรไกรศีล.jpg

"คือจะทำอะไรก็ได้แต่ต้องไม่ต่อต้านกัน ในกองใครจะชอบรัฐบาลก็ชอบได้ ใครจะไม่ชอบรัฐบาลก็สามารถไม่ชอบได้ และผมจะไม่บอกด้วยว่าห้ามทำ หรือทำไมคุณชอบรัฐบาลนั่นก็เป็นเหตุผลของเขา ผมถือว่าอิสระทางด้านความคิด คือสิ่งสำคัญเลย ผมเป็นคนหัวค่อนข้างตะวันตก เราต้องสนับสนุนคือ สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพในการพูด ในที่สาธารณะซึ่งไม่มีใครจับได้ สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ที่ทุกคนควรมีเพราะฉะนั้นผมไม่แตะเลย"

ณวัฒน์ ที่ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 25 ประจำปี พ.ศ. 2554 สาขา ‘พิธีกรเดี่ยวดีเด่น’ จากรายการอะเมซิ่งเมืองไทย ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เป็นเครื่องการันตีความสามารถ บอกต่อว่า การประกวดนางงามเวทีต่างๆ ในประเทศให้ความสำคัญกับสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของผู้เข้าประกวดหรือไม่ เขาไม่ทราบ แต่ในฐานะผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ พร้อมสนับสนุนผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ทุกคนที่ต้องการออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างสมเหตุสมผล และเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่ก้าวล่วงผู้อื่น อีกทั้งยังสนับสนุนให้เคารพความเห็นต่าง 

"ผมไม่รู้ว่าที่อื่นให้ความสำคัญหรือไม่ให้ความสำคัญ แต่สำหรับผม ผมสนับสนุนให้ทุกคนออกความเห็น ไม่ว่าเชิงบวกหรือไม่บวก ไม่ว่าชอบหรือไม่ชอบ ถามว่าสำคัญไหม มันไม่ได้บอกว่าคุณต้องออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ และก็ไม่ถึงขนาดบอกว่าห้ามออก ขึ้นอยู่กับบริบท ถ้าคุณสามารถพาตัวคุณไปในจุดที่คุณอยากออกมาแสดงความคิดเห็น สมเหตุสมผลก็แสดงออกไป ถ้าเกิดมันไม่สมเหตุสมผลไม่รู้จะบอกไปทำไมมันก็เป็นปัญหา เพราะฉะนั้นเนี่ยมันตอบไม่ได้ว่าสำคัญหรือไม่สำคัญ"  

มิสแกรนด์ไทยแลนด์.jpg

"สิ่งที่สำคัญคือเขาต้องไม่ไปก้าวล่วงคนอื่น เช่น คนนี้ชูสามนิ้ว เพื่อนที่เหลือไม่ชอบไปด่าเขาอันนี้ไม่ได้ หรือคนนี้บอกว่าฉันชอบบิ๊กตู่เหลือเกิน อยากซื้อเรือดำน้ำ ฉันสนับสนุนอยากซื้อเรือดำน้ำ คนที่ไม่อยากซื้อก็ไปด่าเขาไม่ได้ อันนี้สำคัญกว่า อันนี้คือจุดสำคัญไม่ใช่ว่าเวทีให้ความสำคัญหรือไม่ สำคัญที่คุณต้องไม่ไปละเมิดสิทธิคนอื่น สิทธิแห่งการแสดงความคิดเห็น สิทธิของการพูดในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิทธิที่ถูกต้องตามกฏหมาย"

ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ บอกอีกว่า การออกมาแสดงความคิดเห็น และแสดงจุดยืนชัดเจน ของมิสแกรนด์นครนายก ถือเป็นการแสดงตัวตนและความคิด ซึ่งเป็นสิ่งที่กองประกวดฯ ต้องการเห็นจากนางงามผู้เข้าประกวดทุกคน ซึ่งนางงามผู้เข้าประกวดทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่มีต่อเรื่องใดก็ได้ อีกทั้งยืนยันว่าการออกมาแสดงความคิดเห็นท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองของมิสแกรนด์นครนายก ไม่มีผลต่อการพิจารณาให้คะแนน เพื่อเฟ้นหาผู้เข้าประกวดเหมาะสมได้ดำรงตำแหน่งมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 แต่อย่างใด 

มิสแกรนด์นครนายก.jpg

"ไม่มีผลครับเลือกได้เลยตามอัธยาศัย ทุกคนมีสิทธิ ย้ำว่าทุกคนมีสิทธิจริงๆ ไม่ได้พูดให้สวยงาม ทุกคนมีสิทธิจะเลือกอย่างไร จะชอบไม่ชอบ แต่พวกเขาคืออนาคตของเรา เพราะฉะนั้นให้เขานำเสนอตัวเขา เราจะอยู่กันอีกสักนานแค่ไหน ผมอยากรู้ว่าไอ้ที่เราเห็นๆ เนี่ยมันจะอยู่ค้ำฟ้าเหรอ เพราะฉะนั้นประเทศต้องอยู่ในมือเขาอยู่แล้ว ไม่อยู่วันนี้ก็อยู่พรุ่งนี้ ไม่อยู่พรุ่งนี้ก็อยู่เดือนหน้า ไม่อยู่เดือนหน้าก็อยู่ปีหน้า แต่ไม่คงไม่ใช่ชาติหน้าแน่นอน เพราะฉะนั้นปล่อยเขาเถอะ"

ณวัฒน์ ทิ้งท้ายด้วยการขอให้แฟนนางงาม และประชาชนที่ติดตามการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 เชื่อมั่นว่ากองประกวดให้ความสำคัญกับการตัดสินด้วยความ 'ยุติธรรม' 

ดังที่เขากล่าวย้ำมาโดยตลอดนับตั้งแต่ จัดการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ครั้งแรก จนมาถึงการประกวดในปีนี้เป็นครั้งที่ 8 แล้ว ตามเจตนารมณ์ที่ยึดถือมาตลอด คือ สังคมที่ดีต้องเกิดความยุติธรรมก่อน 

แนวทางการเฟ้นหาผู้ดำรงตำแหน่งมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 มีกรอบวางไว้แล้วชัดเจนต้องการ 'คนที่พร้อมใช้' เป็นผู้หญิงยุคใหม่อยู่ในสังคม ทำงานเป็น คิดเป็น มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความรู้ทันสมัย การพิจารณาคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 จะดำเนินไปโดยยึดกรอบนี้เป็นสำคัญ 

มิสแกรนด์ไทยแลนด์.jpg

"ห้ามล็อก ห้ามฝาก แค่นี้แหละคือสิ่งสำคัญของเวทีมิสแกรนด์ฯ ต้องชนะกันด้วยองค์ประกอบรวมทั้งหมด ความสวย ความสามารถ ความรู้ พร้อมใช้ มันต้องเป็นอย่างนั้น มิเช่นนั้นเราจะจัดประกวดมาเพื่ออะไร ทุกอย่างต้องมีความยุติธรรม ทุกเรื่องต้องโปร่งใส เหมือนคนสอบเข้ามหาวิทยาลัย คนสอบเข้ารัฐวิสาหกิจ ถ้าเกิดยัดเส้นอย่างเดียว แล้วไปสอบทำไม คุณไม่สงสารคนที่เขาตั้งใจไปสอบบ้างเลยเหรอมันไม่แฟร์" 

"สิ่งที่เริ่มต้นจากความไม่แฟร์คือความผิดอยู่แล้วล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นผมพูดสั้นๆ ว่ายุติธรรมคือยุติธรรม ไม่ฝากไม่เส้นไม่ขอ ใครขอใครฝากใครเส้นคือตกรอบ ต่อให้มีคุณสมบัติที่ดีมีสิทธิได้ที่หนึ่ง หรือครองตำแหน่งมิสแกรนด์ไทยแลนด์ แต่คุณมาขอตกรอบเลยทันที ทำมาแล้วครับ เพราะว่าสังคมไทยจะอยู่ได้ยาวๆ ต้องเกิดความยุติธรรมก่อน" 

ข่าวเพิ่มเติม :