ไม่พบผลการค้นหา
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เผย 14 วัน ประเมินแนวโน้มปลดล็อก หากสถานการณ์ดีขึ้น เตรียมผ่อนปรนระยะ 2-3 พร้อมเตือนกลุ่มนักดื่ม ห้ามมั่วสุมหากพบฝ่าฝืน ผู้ว่าฯ ในพื้นที่สามารถห้ามขายได้

พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และหัวหน้าสำนักงานประสานงานกลางของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงว่า ที่ผ่านมา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในเดือนเม.ย.นั้นเป็นมาตรการเคร่งครัดเพื่อให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการดำเนินชีวิต และเกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจต่างๆ สำหรับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับต่อมามีการผ่อนปรนตั้งแต่ 3 พ.ค.จะมีการประเมินอย่างน้อย 14 วัน ซึ่งจะยึดมาตรฐานด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ทั้งนี้จะผ่อนปรนมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับประชาชนให้ความร่วมมือ 

พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง นั้นมีคำถามว่า ทำไม กีฬาเทนนิส กอล์ฟ ทำได้ แบดมินตันทำไม่ได้ เนื่องจากกีฬาในสถานที่โล่งแจ้ง มีการถ่ายเทอากาศสะดวก มีโอกาสน้อยในการติดเชื้อ ส่วนสถานบริการเกี่ยวกับสัตว์เปิดให้บริการได้เพราะไม่มีข้อมูลว่ามีการติดเชื้อระหว่างคนกับสัตว์ ภายใต้มาตรการผ่อนคลายนั้นยังคงมาตรการบังคับอยู่คือ ช่วงเวลาเคอร์ฟิว การจำกัดการเคลื่อนย้ายขอประชาชน อย่างไรก็ตามหากมีสิ่งบ่งชี้ว่าสถานการณ์ดีขึ้นจะมีการพิจารณาเปิดการผ่อนปรน ระยะ 2 3 4 จนครบต่อไป ซึ่งจะมีการประเมินและผ่อนคลายอย่างระมัดระวัง

ขณะที่ข้อกำหนดโรงพยาบาล คลินิก สถานทันตกรรม คลินิกเสริมความงามเปิดได้หรือไม่

พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตจะไม่สามารถเปิดได้ เช่น การใช้บริการนานๆ จะเสี่ยงติดเชื้อ สำหรับคลินิกเสริมความงามจะพิจารณาในเฟส 2 หรือ 3 

ส่วนการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น ร้านค้าที่มีใบอนุญาตสามารถเปิดขายได้ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. แต่ยังคงเป็นอำนาจของผู้ว่า กทม.และผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ หากพบว่าในพื้นที่มีการละเมิดสามารถสั่งปิดในภายหลังได้ และหากมีการมั่วสุมสามารถจับกุมหรือดำเนินคดีได้ ดังนั้นขอความร่วมมือจากประชาชน กลับไปอยู่ที่บ้านขอให้ดื่มพอสมควร