สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว อดีตแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เดินทางมาร่วมชุมนุมกับ 'คณะประชาชนปลดแอก' ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กล่าวว่า ตลอดการชุมนุมตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พยายามที่จะสร้างความหวาดกลัวข่มขู่คุกคามไม่ให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหว แต่จำนวนคนที่มีมาชุมนุมวันนี้ทำให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ไม่ยอมรับทิศทางความคิดในแบบเดิม
ประชาชนไม่ได้มองว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นเรื่องผิด เรื่องไม่ดี แต่เป็นสิ่งที่ต้องออกมาแสดงพลังของอนาคต เป็นผลมาความเหลืออดเหลือทน จากการอยู่ภายใต้รัฐบาล คสช.มา 5 ปีและสืบทอดอำนาจมาอีกปีกว่า เมื่อคนรุ่นใหม่มองไม่เห็นอนาคตจึงเป็นแรงผลักดันให้ต้องออกมาเคลื่อนไหว
สิรวิชญ์ กล่าวว่า เมื่อวานกลัวว่าแกนนำของกลุ่มจะถูกทำร้ายเหมือนตนเองให้อดีตหรือไม่ ตนมองว่าคนรุ่นใหม่ไม่สืบทอดวาทกรรมทางความคิดแบบเดิมอีกแล้ว และการย้อนกลับไปใช้วิธีการที่ป่าเถื่อนเป็นเรื่องยาก ไม่เป็นผลดี ฝ่ายเราก็เจ็บฝ่ายเขาเสียคน อย่างไรก็ตามทุกอย่างต้องระมัดระวัง เพราะบางครั้งไม่ใช่การสั่งการจากระดับใหญ่ เป็นไปในระดับปฏิบัติการหรือความเชื่อส่วนตัว
จ่านิว กล่าวต่อว่า ตอนนี้ฝ่ายรัฐบาลต้องตอบโจทย์ตัวเองว่าจะเป็นรัฐอะไร ประชาธิปไตย หรือเผด็จการ อย่างไรก็ดีสุดท้ายคนก็จะโหยหาประชาธิปไตย แม้วันนี้คุณจะบอกว่าคุณมาจากการเลือกตั้ง แต่คนก็ไม่เห็นว่าคุณเป็นประชาธิปไตย การเลือกตั้งเป็นแค่สีย้อมสิ่งที่เน่าเฟะ และไม่ทำให้เนื้อในดี
"วันนี้ทุกอย่างมันถูกเปลือยออกมาหมดเลย กลไกการเอาชนะทางระบบพวกพ้อง เราอาจทำไม่ได้ แต่กลไกทางความคิดพวกเราชนะแล้ว ถ้าวันนี้เปลี่ยนไม่ได้ สักวันหนึ่งก็ต้องเปลี่ยนได้"
เมื่อถามว่า เสียงสะท้อนในครั้งนี้จะทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนรัฐบาลได้หรือไม่
อดีตแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวว่า มี 2 ทางคือ ปรับ หรือปราบ แต่ส่วนใหญ่จะเลือกปราบ ดังนั้นประชาชนจึงมีหน้าที่ส่งเสียงและแสดงพลังว่าจะไม่ยอมให้ใช้วิธีการแบบเดิม ซึ่งอยู่ที่ประชาชนว่าจะมีความเข้มแข็งมากน้อยเพียงใด และหลังจากนี้การแสดงพลังทางความคิดจากการจัดกิจกรรมจะแสดงให้เห็นว่าประชาชนไม่ได้ง่ายอีกต่อไป